เมื่อลูกนอนกลางคืนในห้องแอร์ แล้วคัดจมูก มีวิธีแก้อย่างไรบ้าง

เมื่อลูกนอนกลางคืนในห้องแอร์ แล้วคัดจมูก มีวิธีแก้อย่างไรบ้าง

เมื่อเด็กนอนในห้องปรับอากาศและมีอาการคัดจมูก มีหลายวิธีในการบรรเทาอาการไม่สบาย

1.ใช้เครื่องทำความชื้น: การใช้เครื่องทำความชื้นในห้องของเด็กจะช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศได้ ซึ่งช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกที่เกิดจากความแห้งได้ อย่าลืมทำความสะอาดเครื่องทำความชื้นเป็นประจำเพื่อป้องกันเชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโต

2.รักษาร่างกายไม่ให้ขาดน้ำ: กระตุ้นให้ลูกของคุณดื่มของเหลวมากๆ เช่น น้ำหรือชาสมุนไพรอุ่นๆ เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ ความชื้นช่วยให้น้ำมูกบางและบรรเทาอาการคัดจมูก

3.ยกศีรษะขึ้น: วางหมอนเสริมไว้ใต้ศีรษะของเด็กเพื่อยกศีรษะขึ้นเล็กน้อยขณะนอนหลับ ตำแหน่งนี้สามารถช่วยส่งเสริมการระบายน้ำและลดอาการคัดจมูก

4.ยาหยอดหรือสเปรย์น้ำเกลือจมูก: น้ำเกลือหยอดหรือสเปรย์ฉีดจมูกสามารถช่วยคลายน้ำมูกและทางเดินหายใจที่ชัดเจน ใช้น้ำเกลือสำหรับเด็กและปฏิบัติตามคำแนะนำที่ให้ไว้

5.การสูดดมไอน้ำ: การสูดดมไอน้ำสามารถช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้ คุณสามารถสร้างห้องอบไอน้ำได้โดยการเปิดฝักบัวน้ำอุ่นและนั่งร่วมกับลูกในห้องน้ำที่มีไอน้ำร้อนสักสองสามนาที หรือใช้ชามน้ำร้อน (ไม่ต้ม) แล้วให้ลูกสูดไอน้ำโดยใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมศีรษะ

6.การประคบอุ่น: ใช้การประคบอุ่นบริเวณไซนัสของเด็ก (หน้าผาก แก้ม และจมูก) เพื่อช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกและบรรเทาอาการไม่สบาย

7.ใช้ยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์: สำหรับเด็กโต (ปรึกษากุมารแพทย์เกี่ยวกับขนาดยาที่เหมาะสมและความเหมาะสม) ยาแก้คัดจมูกหรือยาแก้แพ้ที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์อาจช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้ อย่างไรก็ตาม ยาเหล่านี้ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

8.เครื่องช่วยหายใจทางจมูก: หากลูกของคุณเป็นทารกหรือเด็กวัยหัดเดินและหายใจลำบากเนื่องจากการคัดจมูก คุณสามารถใช้เครื่องช่วยหายใจทางจมูกเพื่อดูดเสมหะออกเบา ๆ

9.รักษาความสะอาดของห้อง: ทำความสะอาดห้องของเด็กเป็นประจำและปัดฝุ่นเพื่อลดสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคืองที่อาจทำให้เกิดอาการคัดจมูก

10.ปรึกษากุมารแพทย์: หากยังมีอาการคัดจมูกหรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ ปวดหู หรือหายใจลำบาก ควรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อรับการประเมินและการรักษาที่เหมาะสม

 

เราจะปฏิบัติตัวยังไงเมื่อเผชิญกับอันตราย

เราจะปฏิบัติตัวยังไงเมื่อเผชิญกับอันตราย

เมื่อเผชิญกับอันตราย สิ่งสำคัญคือต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและดำเนินการอย่างใจเย็นและเด็ดขาด คำแนะนำทั่วไปเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติตนในสถานการณ์อันตรายมีดังนี้

1.สงบสติอารมณ์ ความตื่นตระหนกอาจทำให้การตัดสินใจสับสนและขัดขวางความสามารถในการตอบสนองของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ หายใจเข้าลึกๆ เพื่อรักษาความสงบและมีสมาธิ

2.ประเมินสถานการณ์ ประเมินลักษณะและความรุนแรงของอันตรายอย่างรวดเร็ว กำหนดการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อลดความเสี่ยง

3.ระบุเส้นทางหลบหนี ระวังสภาพแวดล้อมของคุณและค้นหาทางออกที่เป็นไปได้หรือพื้นที่ปลอดภัย มีแผนอพยพหากจำเป็น

4.แจ้งเตือนผู้อื่น หากมีผู้อื่นอยู่ ให้แจ้งพวกเขาถึงอันตรายและประสานงานการตอบสนองของคุณร่วมกัน ซึ่งอาจรวมถึงการตะโกนขอความช่วยเหลือหรือการเปิดใช้งานสัญญาณเตือน หากมี

5.ปฏิบัติตามระเบียบการด้านความปลอดภัย หากมี ให้ปฏิบัติตามระเบียบการด้านความปลอดภัยที่กำหนดไว้หรือขั้นตอนฉุกเฉิน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามเส้นทางอพยพ การใช้อุปกรณ์ความปลอดภัย หรือปฏิบัติตามคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่

6.ทำตัวไม่เปิดเผย ในสถานการณ์ที่การดึงดูดความสนใจอาจเพิ่มอันตราย เช่น ในระหว่างสถานการณ์การโจรกรรมหรือตัวประกัน ให้รักษาตัวให้ไม่เปิดเผยและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหากเป็นไปได้

7.สื่อสารอย่างชัดเจน หากคุณต้องการความช่วยเหลือ ให้แจ้งสถานการณ์ของคุณกับบริการฉุกเฉินหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ระบุรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำแหน่งของคุณ และลักษณะของอันตราย

8.ใช้การป้องกันตัวเองหากจำเป็น ในสถานการณ์ที่เกือบจะเกิดอันตรายต่อร่างกายและไม่สามารถหลบหนีได้ ให้ป้องกันตัวเองโดยใช้วิธีการใดก็ตามที่จำเป็น อย่างไรก็ตาม ให้จัดลำดับความสำคัญของการลดความรุนแรงและหลบหนีเมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้

9.แสวงหาที่หลบภัย หากการหลบหนีไม่ใช่ทางเลือก ให้หาที่หลบภัยในสถานที่ที่ปลอดภัย ประตูกีดขวางหรือซ่อนตัวจากอันตรายจนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง

10.รับทราบข้อมูล อัพเดทตัวเองอยู่เสมอเกี่ยวกับสถานการณ์หากยังดำเนินอยู่ ฟังการอัปเดตข่าวสาร ปฏิบัติตามคำแนะนำจากหน่วยงานราชการ และติดต่อกับผู้อื่นเพื่อรับการสนับสนุนและข้อมูล

11.จัดให้มีการปฐมพยาบาล หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้ปฐมพยาบาลอย่างสุดความสามารถในขณะที่รอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญมาถึง

12.ประเมินใหม่และปรับเปลี่ยน ประเมินสถานการณ์อีกครั้งอย่างต่อเนื่องและปรับการกระทำของคุณให้เหมาะสม เตรียมพร้อมที่จะปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

โปรดจำไว้ว่าทุกสถานการณ์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และการตอบสนองที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะ เชื่อสัญชาตญาณของคุณ ระมัดระวัง และจัดลำดับความสำคัญความปลอดภัยของคุณและความปลอดภัยของผู้อื่น

เทคนิคการจำภาษาอังกฤษ

เทคนิคการจำภาษาอังกฤษ
การท่องจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษและองค์ประกอบทางภาษาอื่นๆ อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่มีเทคนิคที่มีประสิทธิภาพหลายประการที่คุณสามารถใช้เพื่อพัฒนาทักษะการท่องจำของคุณ

บัตรคำศัพท์
สร้างแฟลชการ์ดที่มีคำอยู่ด้านหนึ่งและความหมายหรือประโยคตัวอย่างอยู่อีกด้านหนึ่ง ทบทวนสิ่งเหล่านี้เป็นประจำเพื่อเสริมสร้างความจำของคุณ

ช่วยในการจำ
พัฒนาอุปกรณ์ช่วยจำหรือเครื่องช่วยจำเพื่อเชื่อมโยงคำศัพท์ใหม่กับคำที่คุ้นเคยหรือสร้างวลีที่น่าจดจำซึ่งมีคำเป้าหมายรวมอยู่ด้วย

สมาคม
เชื่อมโยงคำศัพท์ใหม่ๆ กับรูปภาพ อารมณ์ หรือประสบการณ์ส่วนตัว การสร้างการเชื่อมต่อช่วยให้จำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้นเมื่อจำเป็น

การจัดเป็นกลุ่ม
แจกแจงรายการคำยาวๆ หรือข้อมูลที่ซับซ้อนออกเป็นส่วนย่อยๆ ที่สามารถจัดการได้ มุ่งเน้นไปที่การท่องจำทีละส่วนก่อนที่จะไปยังส่วนถัดไป

การทำซ้ำ
พูดซ้ำคำหรือเขียนซ้ำหลายครั้ง การทำซ้ำจะช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาท ทำให้สมองของคุณจดจำข้อมูลได้ง่ายขึ้น

การแสดงภาพ
เห็นภาพความหมายของคำ สร้างภาพทางจิตที่แสดงถึงความหมายของคำหรือจินตนาการถึงสถานการณ์ที่จะใช้คำนั้น

ใช้ในบริบท
ฝึกใช้คำศัพท์ใหม่ในประโยคหรือย่อหน้าสั้น ๆ การใช้คำในบริบทช่วยเสริมความเข้าใจและปรับปรุงการจดจำ

สัมผัสและสัมผัสอักษร
ใช้คำคล้องจองหรือสัมผัสอักษรเพื่อทำให้คำน่าจดจำยิ่งขึ้น เทคนิคนี้จะเพิ่มคุณภาพทางดนตรีหรือจังหวะให้กับกระบวนการเรียนรู้

เกมคำศัพท์
มีส่วนร่วมในเกมคำศัพท์ ปริศนาอักษรไขว้ หรือกิจกรรมที่ใช้ภาษาอื่นๆ เกมเหล่านี้ทำให้การเรียนรู้สนุกสนานยิ่งขึ้นและช่วยเสริมสร้างความจำของคุณ

แผนที่ความคิด
สร้างแผนที่ความคิดเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำด้วยภาพ เทคนิคนี้สามารถช่วยให้คุณมองเห็นการเชื่อมโยงและจดจำคำต่างๆ ได้อย่างเป็นระเบียบมากขึ้น

เล่าเรื่อง
รวมคำศัพท์ใหม่ๆ เข้ากับเรื่องราวหรือเรื่องเล่า การสร้างโครงเรื่องเกี่ยวกับคำศัพท์สามารถทำให้พวกเขาน่าจดจำและสนุกสนานในการเรียนรู้มากขึ้น

สอนคนอื่น
สอนคำศัพท์ใหม่ให้กับคนอื่น การอธิบายแนวคิดให้ผู้อื่นต้องใช้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมความจำของคุณเอง

เครื่องมือดิจิทัล
ใช้แอปการเรียนรู้ภาษา แบบทดสอบออนไลน์ และแพลตฟอร์มแบบโต้ตอบเพื่อฝึกฝนและเสริมความรู้ของคุณในรูปแบบแบบไดนามิกมากขึ้น

การจัดหมวดหมู่
จัดกลุ่มคำที่คล้ายกันเข้าด้วยกันตามธีมหรือหมวดหมู่ วิธีนี้สามารถช่วยให้คุณจำคำที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โปรดจำไว้ว่าความสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญ การฝึกเว้นระยะห่างสม่ำเสมอมีประสิทธิผลมากกว่าการยัดเยียด ทดลองใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ และปรับแต่งแนวทางให้เหมาะกับสไตล์การเรียนรู้ของคุณ

วิธีแก้ไขปัญหาภายในครอบครัว อย่างถูกต้อง

วิธีแก้ไขปัญหาภายในครอบครัว อย่างถูกต้อง

การแก้ไขปัญหาในครอบครัวเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องใช้การใส่ใจและความเข้าใจต่อสมาชิกทุกคน เพื่อช่วยให้คุณมีแนวทางที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาภายในครอบครัว นี่คือขั้นตอนที่สามารถปฏิบัติได้

การแก้ไขปัญหาครอบครัวสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ถ้ามีความขัดแย้งในครอบครัว เราสามารถใช้การสื่อสารอย่างเปิดเผยและอ้อมค้อมเพื่อหาทางแก้ไขกันได้ เรายังสามารถศึกษาเทคนิคการจัดการความขัดแย้งหรือการแก้ไขปัญหาจากหนังสือหรือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้วย

การสนับสนุนและการเข้าใจกันในครอบครัวก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น การแบ่งปันความรู้สึกและประสบการณ์กัน เข้าใจถึงความต้องการของสมาชิกในครอบครัว และสร้างพื้นที่สำหรับการสนับสนุนและการเปิดกว้างในการแก้ไขปัญหา

การศึกษาเรื่องการจัดการเวลาและการวางแผนการดำเนินชีวิตในครอบครัวก็เป็นสิ่งที่สามารถช่วยให้ครอบครัวมีความสมดุลและมีสุขภาพดีได้

อย่าลืมว่าการแก้ไขปัญหาครอบครัวไม่ได้มีวิธีเดียวที่เหมาะกับทุกสถานการณ์ การใช้วิธีที่เหมาะสมและการร่วมมือกันของสมาชิกในครอบครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

การสื่อสารอย่างเปิดเผย : การสนทนาที่เปิดเผยและเป็นกันเองมีความสำคัญอย่างมากในการแก้ไขปัญหาในครอบครัว เปิดใจฟังความคิดเห็นและรู้จักแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อความรู้สึกของคนในครอบครัวเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี.

การเข้าใจและยอมรับความแตกต่าง : ทุกคนในครอบครัวมีวิธีและมุมมองที่แตกต่างกัน การเข้าใจและยอมรับความแตกต่างนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมอารมณ์และป้องกันการเกิดขัดแย้ง.

การหารือแก้ไขปัญหาร่วมกัน : การหารือและแก้ไขปัญหาร่วมกันเป็นวิธีที่ดีในการพัฒนาความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ควรให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการหารือและหาทางแก้ไขปัญหาเพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าตนเองได้รับการยอมรับและเชื่อมั่น.

การเลือกเวลาที่เหมาะสม : เลือกเวลาที่เหมาะสมสำหรับการพูดคุยแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้มีความเคร่งเครียดหรือความโกรธที่ไม่จำเป็นมากเกินไป การเลือกเวลาที่มีความสงบสุขและมีเวลาว่างมากพอที่จะพูดคุยจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น.

การหาคำตอบที่เหมาะสม : เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น พยายามหาวิธีที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาโดยการตั้งคำถามและค้นหาทางแก้ไขที่เหมาะสมกับสถานการณ์ และคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากแต่ละทางเลือก.

การทำสรุปและเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด : หลังจากที่ได้หารือและแก้ไขปัญหากันแล้ว ควรทำสรุปเรื่องที่ได้พูดคุยและตกลงกันเพื่อให้ทุกคนเข้าใจและยอมรับกันและกัน.

การแก้ไขปัญหาในครอบครัวไม่ได้มีวิธีที่แน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และบุคคลทุกคนในครอบครัวว่าจะพึงปฏิบัติอย่างไรให้เหมาะสมและเหมาะสมกับทุกสถานการณ์และความต้องการของครอบครัวในแต่ละระยะเวลา.

สอนลูกยังไง ให้เข้าใจความประหยัด

 

สอนลูกยังไง ให้เข้าใจความประหยัดความสามารถในการจัดการการเงินเป็นเรื่องพื้นฐานในการใช้ชีวิตประจำวันที่ยิ่งเรียนรู้ได้ไวยิ่งเป็นประโยชน์กับตนเองมากเท่านั้น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่หลายครอบครัวคงอยากให้ลูกมีภูมิคุ้มกันด้านการเงิน จึงอยากเริ่มสอนให้เด็ก ๆ รู้จักประหยัดตั้งแต่อายุยังน้อย แต่การสอนแบบวิชาการทั้งดูน่าเบื่อและไม่เห็นภาพ กลายเป็นว่าลูกจะเบ้ปากแล้วพาลไม่ชอบเรื่องเกี่ยวกับการเงินไปเสียเปล่า ๆ ในความเป็นจริงแล้วมีวิธีอีกมากมายในการสอนเรื่องความประหยัดให้กับเด็กอย่างได้ผลดี ลองนำวิธีการเหล่านี้ไปลองใช้ดูสิ

 1.ลองให้บริหารเงินค่าขนมเอง

เมื่อเด็ก ๆ โตขึ้น ลองเปลี่ยนจากการให้เงินรายวันมาเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนดูสิ แล้วสอนให้พวกเขารู้จักบริหารเงินค่าขนมให้เพียงพอจนหมดระยะเวลา วิธีการนี้จะทำให้ลูกรู้จักวางแผนการใช้เงินและเข้าใจการจัดการเงินเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ อย่าลืมติดตามการบริหารเงินของพวกเขาและให้คำแนะนำอย่างสม่ำเสมอด้วย

2.สอนให้เข้าใจคุณค่าของสิ่งของ

ของบางอย่างที่พวกเขาอยากได้ลองตั้งเงื่อนไขขึ้นมาก่อนที่จะซื้อให้ดูสิ โดยอาจจะเป็นการแนะนำว่าให้นำค่าขนมที่เก็บออมมาเอาไว้ใช้ซื้อสิ่งที่อยากได้ หรือการทำงานเล็กน้อยที่สมกับวัยเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ วิธีการนี้เด็กจะรู้คุณค่าของสิ่งของมากขึ้น และเป็นการปลูกฝังให้รู้จักทะนุถนอมสิ่งของที่ได้มาอย่างยากลำบาก

3.ปลูกฝังเรื่องการออมเงิน

การออมเงินเป็นทักษะสำคัญที่ต้องสอนให้เด็กเข้าใจตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นลองแนะนำให้พวกเขาแบ่งเงินค่าขนมส่วนหนึ่งมาเก็บออมไว้ แล้วไปเปิดบัญชีธนาคารสำหรับเด็กภายใต้ชื่อของพวกเขาดูสิ เพราะการมีบัญชีเงินฝากเป็นของตนเองครั้งแรกจะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกตื่นเต้นและท้าทาย จึงเป็นการกระตุ้นนิสัยรักการออมได้เป็นอย่างดี

4.พาลูกไปซื้อของเข้าบ้านด้วยกัน

การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสำหรับหนึ่งครอบครัวอย่างชาญฉลาดเป็นอีกหนึ่งวิธีในการประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัว ดังนั้นลองพาลูกออกไปข้างนอกแล้วไปซื้อของเข้าบ้านด้วยกันดูสิ ลองสอนให้เขาเปรียบเทียบสินค้ากับความคุ้มค่าในแง่ต่าง ๆ ทั้งคุณภาพ ปริมาณ และความเหมาะสม จะทำให้ลูกเกิดการเรียนรู้เรื่องการจับจ่ายใช้สอยได้อย่างดี แถมยังเพิ่มกิจกรรมเสริมความใกล้ชิดในครอบครัวได้อีกด้วย

5.เป็นแบบอย่างให้กับลูก

ลูกมักมองคนใกล้ชิดอย่างพ่อและแม่เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต ดังนั้นต้องรู้จักประหยัดอดออมเพื่อเป็นตัวอย่างในการเรียนรู้ให้กับลูก นอกจากนั้นควรให้ลูกรู้สถานะทางการเงินของครอบครัวตั้งแต่เนิ่น ๆ เคารพเขาให้สมกับเป็นสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่ง เพียงเท่านี้ลูกจะสามารถเติบโตไปได้อย่างมั่นคง

เทคนิคการสอนลูกให้รู้จักประหยัดเหล่านี้สามารถนำไปปรับใช้ได้กับเด็กทุกคน เพียงแค่ปรับเปลี่ยนตามวัยและนิสัยของลูกน้อย จะทำให้ลูกมีทัศนคติที่ดีเรื่องการเงินและสร้างนิสัยเหล่านี้ติดตัวไป ในอนาคตพ่อแม่จึงไม่ต้องกังวลว่าลูกจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และยังช่วยเพิ่มพูนความมั่นคงของครอบครัวได้เป็นอย่างดี

 

อยากช่วยเหลือเด็กไทยด้อยโอกาส จะบริจาคให้องค์กร หรือ มูลนิธิไหนไว้ใจได้

อยากช่วยเหลือเด็กไทยด้อยโอกาส

 

ในประเทศไทยยังมีพื้นที่ทุรกันดารในต่างจังหวัดหลายพื้นที่ มีคนที่ด้อยโอกาสใช้ชีวิตกันอยู่อย่างลำบากอีกมากมาย โดยเฉพาะเด็ก ๆ เด็กเหล่านั้นยังต้องการความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากและเปิดโอกาสให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และหากคุณพอจะมีกำลังทรัพย์และปรารถนาจะแบ่งปันให้ความช่วยเหลือกับเด็กด้อยโอกาสเหล่านี้ ก็อย่าประวิงเวลาให้นานออกไป ลงมือทำได้เลย

แต่หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถช่วยเหลือเด็ก ๆ ได้อย่างไร กับองค์กรไหน ก็ขอแนะนำว่าให้บริจาคกับองค์กรสาธารณประโยชน์ที่ความน่าเชื่อถือด้วยรูปแบบงานที่ทำและผลงานที่ผ่านมา แล้วถ้าเราบริจาคเงินให้องค์กรที่เป็นองค์การสาธารณกุศล ตามประกาศกระทรวงการคลัง เงินบริจาคของเราสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีได้อีกด้วย

วันนี้จึงขอแนะนำ 3 มูลนิธิที่ทำงานด้านการช่วยเหลือเด็ก

มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ชื่อมูลนิธิก็บอกในด้วยเองอยู่ว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณารับมูลนิธิแห่งนี้ไว้ในพระราชูปถัมภ์ นั่นน่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่จะบริจาคด้วย เพราะคงไม่มีใครกล้าทำทุจริตกับเงินบริจาคในนามของสมเด็จพระเทพ

มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. ทำงานเพื่อช่วยเหลือเด็กและครอบครัวด้อยโอกาสใน 35 จังหวัด มีเด็กในอุปการะ 44,000 คน โดยใช้ระบบ “อุปการะเด็ก” คือผู้บริจาคเดือนละ 600 บาทต่อเนื่อง มูลนิธิจะกำหนดว่าผู้บริจาคเป็นผู้อุปการะของเด็กคนไหน จากนั้นผู้บริจาคจะสามารถติดต่อพูดคุยผ่านมูลนิธิกับเด็กในอุปการะได้ เงินที่บริจาคก็จะนำไปใช้ในโครงการช่วยเหลือเด็กหลายโครงการ

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ccfthai.or.th

มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก

ก่อตั้งขึ้นในปี 2522 ให้ความช่วยเหลือเด็กป่วยที่ครอบครัวฐานะยากจนและเป็นต่างด้าว ที่ไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาล เด็กป่วยเหล่านี้เป็นผู้ป่วยอาการหนัก เป็นโรคซับซ้อน ซึ่งก็มักจะค่าใช้จ่ายสูง จำเป็นต้องรักษานานต่อเนื่อง ที่สำคัญเด็ก ๆ และครอบครัวเหล่านี้มีฐานะขัดสนหรือไม่ก็ไม่มีสัญชาติไทย เป็นแรงงานอพยพที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน จึงไม่มีสวัสดิการหรือหลักประกันสุขภาพใด ๆ ซ้ำร้ายจำนวนผู้ด้อยโอกาสแบบนี้นับวันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ๆ มูลนิธิโรงพยาบาลเด็กจึงต้องการการสนับสนุนช่วยเหลืออย่างมากและเร่งด่วน

เงินบริจาคจะนำไปใช้สร้างอาคารผู้ป่วย และใช้ในโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการหนึ่งหัวใจสู่ชีวิตใหม่ โครงการหยุดลมชักให้ชีวิตได้ไปต่อ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ childrenhospitalfoundation.or.th

มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ

ก่อตั้งในปี 2529 มีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยเหลือเด็กพิการ ด้วยแนวคิดที่ไม่เพียงจะช่วยในเชิงสงเคราะห์ แต่จะเน้นเสริมความเข้มแข็งให้ทั้งเด็กและครอบครัว เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ในระยะยาว จึงมีกิจกรรมที่ให้การศึกษาครอบครัวรวมถึงชุมชนที่เด็กอยู่อาศัย ทั้งในหัวข้อการป้องกันภัยอันตรายที่เด็กอาจจะประสบ รวมถึงให้ทัศนคติที่มีต่อเด็กพิการอย่างถูกต้อง

เป้าหมายสำคัญอีกประการของมูลนิธิเพื่อเด็กพิการ คือการให้ครอบครัวเด็กเองเป็นหลักในการที่ทำหน้าที่ฟื้นฟูเด็ก เพราะที่สุดแล้วเด็กควรจะต้องอยู่กับครอบครัวในที่สุด นั่นจะทำให้เด็กพิการมีชีวิตที่ปกติ และได้รับความอบอุ่นจากการดูแลที่เหมาะควร 

กิจกรรมต่าง ๆ ของมูลนิธิเพื่อเด็กพิการมีมากมาย เช่น การนวดไทยให้เด็กพิการ การฝึกกายภาพบำบัดแบบญี่ปุ่น การทำของเล่นด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fcdthailand.org

อาหารและผลไม้ที่เหมาะกับ 4 ธาตุ ปรับสมดุลร่างกายภายใน

อาหารและผลไม้ที่เหมาะกับ 4 ธาตุ ปรับสมดุลร่างกายภายใน

ตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยได้ให้ข้อมูลไว้ว่าร่างกายของมนุษย์เรานั้นจะประกอบไปด้วย 4 ธาตุ โดยมีธาตุดินเป็นธาตุหลัก ต่อด้วยธาตุร่างกาย ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ทำให้ร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นเส้นผม สีผิว อารมณ์ รูปร่าง หากมีความผิดปกติหรือไม่สบายการเลือกทานอาหารสามารถช่วยได้ วันนี้เราจึงได้รวบรวมเมนูอาหารและผลไม้ที่เหมาะสมแก่ธาตุของคุณมาให้ ดังนี้

เมนูอาหารของแต่ละธาตุ

ธาตุลม สาเหตุทำให้โรคกำเริบคือ อดอาหาร รับประทานอาหารรสจัด เคี้ยวไม่ละเอียด อาการที่ตามมาคือท้องอืด ปวดท้อง ควรควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนและรับประทานเมนูรสเผ็ดร้อน  เช่น ต้มข่าไก่ ต้มยำกุ้ง กะเพราไก่และเมนูที่มีขิงเป็นส่วนประกอบหรือเลือกทานอาหารที่มีรสหวานและรสเปรี้ยว

ธาตุไฟ สาเหตุทำให้โรคกำเริบคืออาหารรสจัด เผ็ด เปรี้ยว เค็ม ทำให้กรดไหลย้อนและส่งผลให้บนใบหน้าเกิดสิว ควรเลือกทานอาหารรส ขม ฝาด หวานและเย็น อาทิเช่น ผัดผักบุ้ง แกงจืดตำลึง แตงกวาผัดไข่ บวบผัดไข่ ของหวานจะเป็นไอศกรีม น้ำแตงโม น้ำเก๊กฮวย 

ธาตุน้ำ การเลือกทานอาหารที่ทำให้โรคกำเริบคืออาหารรสหวาน เปรี้ยว เค็มทั้งหมดในรสชาติจัด ๆ ผลกระทบที่ตามมาคือเป็นโรคอ้วน น้ำหนักเกิน ควรรับประทานอาหารรสร้อน ๆ และรสขม  เช่น แกงส้มดอกแค แกงจืดมะระ ห่อหมกใบยอ มะระผัดไข่ มะระขี้นก ดูจากเมนูแล้วเหล่าผู้สูงอายุคงชื่นชอบเป็นพิเศษ สำหรับหนุ่มสาวอาจจะทานยากก็ให้ลองรังสรรค์เมนูใหม่ได้ เพื่อให้ทานง่ายและถูกปาก

ผลไม้ที่เหมาะกับแต่ละธาตุ

ธาตุดิน สำหรับคนธาตุนี้มีรูปร่างสูงใหญ่และแข็งแรง ผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพจะต้องมีรสฝาด อาทิ ฝรั่ง กล้วย มะละกอ ฟักทอง เผือก มัน เงาะ ผลไม้เหล่านี้จะช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย

ธาตุไฟ สำหรับคนธาตุนี้จะขี้ร้อน หิวอยู่บ่อยครั้ง จึงควรเลือกทานผลไม้ที่มีรสขมและฤทธิ์เย็น เพื่อดับร้อนภายใน อาทิ แตงโม มันแกว พุทรา แอปเปิล 

ธาตุน้ำ เป็นธาตุที่มีข้อได้เปรียบกว่าใครในเรื่องของผิวพรรณที่สดใสเปล่งปลั่ง ตาสดใส สามารถทนร้อนและเย็นผลไม้ที่เหมาะจะต้องมีรสเปรี้ยว เช่น ส้มโอ สับปะรด มะนาว มะยม มะกอก มะเขือเทศ และอื่น ๆ 

ธาตุลม ด้วยความที่คนธาตุนี้มีรูปร่างผอมบาง ร่างกายจึงทนต่อความหนาวเย็นไม่ได้ จึงควรทานอาหารที่มีรสเผ็ดร้อน ส่วนผลไม้ที่ต่อธาตุ เช่น ชมพู่ แตงโม แตงไทย เป็นต้น 

จากข้อมูลที่เรานำเสนอคุณคงเห็นแล้วว่าการเลือกทานอาหารและผลไม้ ไม่จำเป็นต้องเลือกทานที่ชอบเท่านั้น ควรดูในเรื่องของสุขภาพร่างกายและธาตุด้วย ยิ่งใครที่กำลังไม่สบายหรือป่วย ลองดูในเรื่องของอาหารการกิน เพื่อปรับสมดุลภายในให้ดีขึ้น

เผยเคล็ดลับ พัฒนาตนเอง เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต

เผยเคล็ดลับ พัฒนาตนเอง เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต

 

การที่คนเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้น จำเป็นที่จะต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะความรู้และความสามารถ แต่จะพัฒนาอย่างไรให้สามารถไปถึงเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตได้ เพื่อให้ทุกคนไม่หลงทางและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองให้ไปถึงเป้าหมายได้ วันนี้มีเคล็ดลับในการพัฒนาตนเองมากฝากกันดังนี้

  • พัฒนาสิ่งที่สนใจและถนัด

การพัฒนาสิ่งที่ตนเองสนใจหรือถนัดนอกจากจะทำด้วยความสุขแล้ว ยังเป็นการสร้างความชำนาญให้กับตนเองด้วย โดยเฉพาะปัจจุบันคนที่มีความรู้ความสามารถด้านใดด้านหนึ่งแบบ Excellent เมื่ออยู่ถูกที่ถูกเวลามีโอกาสที่จะเติบโตและเจริญก้าวหน้าได้ดีกว่าคนที่มีความรู้เพียงผิวเผิน 

  • พัฒนาความคิดให้เป็นคนคิดบวก

ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในด้านใดก็ตาม ทุกคนต่างก็เคยผ่านความล้มเหลว ผิดหวังด้วยกันทั้งนั้น บางก็ล้มเลิกเปลี่ยนแปลงเป้าหมายใหม่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดี เว้นเสียแต่จะมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิดให้เป็นคนคิดบวกและหาแนวทางอื่น ๆ ในการแก้ไขและพัฒนาเพื่อเอาชนะความท้าทายนั้น 

  • เลิกเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น

ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้จากการเปรียบเทียบ เพราะมันไม่มีประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง มีแต่จะบั่นทอนความคิดและกำลังใจ ซึ่งบางครั้งคนเหล่านั้นอาจสร้างภาพลวงตาเพื่อล่อหลอกให้คุณเห็นและหลงเชื่อก็เป็นได้ จงระลึกเอาไว้เสมอว่าการแข่งขันใดที่คุณไม่ได้เริ่มต้น มันไม่ใช่การแข่งขัน 

  • หาแรงบันดาลใจใหม่

สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณพัฒนาตนเองได้อย่างก้าวกระโดด คือ การมองหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ เสมอ เพื่อกระตุ้นให้ตนเองมีพลังและพร้อมที่จะพาตนเองไปถึงเป้าหมายในชีวิตให้ได้

  • อ่านให้เยอะ

การอ่านนอกจากจะเป็นการสร้างเสริมความรู้ใหม่ ๆ แล้ว ยังช่วยเสริมในเรื่องของสมาธิอีกด้วย ปัจจุบันมีหนังสือมากมายที่คนประสบความสำเร็จ ต่างออกมาเผยแพร่แนวทาง วิธีคิดและประสบการณ์เพื่อให้เขาสามารถไปถึงที่หมายได้ เพียงแค่คุณอ่านให้มาก อ่านแล้วจับประเด็นใจความสำคัญไว้ จากนั้นนำมาพัฒนาตนเองก็จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น

  • ภาษาที่ 2 และ 3 มีความสำคัญยิ่ง

คุณจะเห็นว่าในปัจจุบันโลกได้ล้อมเราไว้หมดแล้ว การที่คุณจะประสบความสำเร็จได้นั้นจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ภาษาที่ 2 ที่ 3 ด้วย หรืออย่างน้อยจะต้องพูด อ่าน ฟังและเขียนภาษาอังกฤษได้แล้ว ยิ่งคุณสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่าวยอดเยี่ยมเท่าไร ยิ่งทำให้โอกาสต่างเปิดกว้างมากขึ้นและประสบความสำเร็จได้ไวขึ้น 

  • ฝึกให้รางวัลกับตนเองบ้าง

ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ก็ควรให้รางวัลกับตนเองเพื่อเป็นกำลังใจในการพัฒนาตนเองต่อไปอนาคต เพราะหากไม่ได้รับความสุขใด ๆ เข้ามาในชีวิตเลย อาจทำให้จิตใจเริ่มเบื่อหน่ายต่อสิ่งที่กำลังทำอยู่

ทั้งหมดเป็นเพียงเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง หากต้องการที่จะไปถึงจุดสูงสุดตามที่หวังไว้ จะต้องหันกลับมาและพัฒนาตนเองเพื่อการเติบโตในหน้าที่การงาน อาชีพหรือรายได้ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นและเป็นสุข 

เทคนิคเลือก ถุงมือฟิตเนส ให้เหมาะกับการออกกำลังกาย

เทคนิคเลือก ถุงมือฟิตเนส ให้เหมาะกับการออกกำลังกาย

บางครั้งการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของคนเราก็มีความจำเป็นที่จะต้องมีการพึ่งไอเทมบางอย่างเพื่อให้การรีดเหงื่อแก่สุขภาพของเราเป็นไปได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นและไอเทมนั้นที่เราได้หยิบมานำเสนอกันในวันนี้นั่นก็คือ ถุงมือฟิตเนส หนึ่งในอุปกรณ์ออกกำลังกายสำคัญที่คนสายออกกำลังกายต้องมีไว้ใช้อุ่นใจ ซึ่งบทความในวันนี้เราจะพาทุกท่านให้ได้รู้จักกันว่าถุงมือออกกำลังกายเหล่านี้ควรใช้ให้เหมาะกับการออกกำลังกายแบบไหนกันบ้าง

ถุงมือฟิตเนส ที่เหมาะสมกับการออกกำลังกาย ต้องเริ่มตรงไหน?

ปัจจัยแรกกับการเลือก ถุงมือฟิตเนส เพื่อให้เหมาะกับการออกกำลังกาย เราต้องแยกให้ได้ก่อนว่าการเลือกถุงมือสวมใส่นั้นจำเป็นต้องเช็ครูปแบบการออกกำลังกายของเราว่าเป็นในแนวทางรูปแบบไหน ซึ่งโดยส่วนใหญ่การออกกำลังกายก็สามารถแบ่งได้เป็นหัวข้อใหญ่ๆ อยู่ 2 รูปแบบนั่นก็คือสายคาร์ดิโอกับสายยกน้ำหนักหรือเวทเทรนนิ่ง เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเราไปเริ่มกันที่การเลือกถุงมือในรูปแบบแรกกันก่อนเลยดีกว่า

  1. ออกกำลังกายสายเวทเทรนนิ่ง

มาเริ่มกันเลยกับรูปแบบการออกกำลังกายที่เรียกกันในชื่อว่า เวทเทรนนิ่ง ( Weight Training ) โดยความหมายของการออกกำลังกายในรูปแบบนี้นั่นคือการยกน้ำหนักเพื่อบริหารกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย โดยสามารถที่จะใช้ได้น้ำหนักจากตัวเองและอุปกรณ์เพิ่มน้ำหนักดังเช่น ดัมบ์เบล ( Dumbbell ) หรือว่า คานเหล็ก ( Barbell ) และยังรวมไปถึงเครื่องฝึกกล้ามเนื้อในรูปแบบต่าง ๆ

ถามว่าการออกกำลังกายในรูปแบบนี้จำเป็นต้องใช้ ถุงมือฟิตเนส หรือไม่นั้นสามารถตอบได้เลยว่าจำเป็นมากๆ เพราะว่าการออกกำลังกายด้วยการยกเวทนั้นคือการที่มือและข้อมือของคุณจะต้องยกน้ำหนักในปริมาณที่มากและยิ่งหากน้ำหนักที่ยกนั้นมีมากเท่าไหร่ ความเป็นไปได้ที่ฝ่ามือของคุณจะเกิดการถลอกหรือผิวหนังด้านแข็งก็ย่อมเป็นไปได้มากและควรใช้วัสดุที่ทำจากผ้าผสมหนังหรือหนังล้วน ๆ ดีที่สุด

  1. ออกกำลังกายสายคาร์ดิโอ

ขยับมาอีกข้อกับการออกกำลังกายในรูปแบบของ คาร์ดิโอ ( Cardio ) อันเป็นรูปแบบการออกกำลังกายด้วยการขยับร่างกายให้สม่ำเสมออยู่ตลอด โดยมีประโยชน์เน้นไปในทางเรื่องของพัฒนาการความแข็งแรงของผนังกล้ามเนื้อและหัวใจดังเช่นการกระโดดเชือกหรือการเล่นเครื่องออกกำลังกายเช่นเครื่องเดินวงรีไม่ก็เครื่องปั่นจักรยานนั่นเอง

ในส่วนของการเลือก ถุงมือฟิตเนส ให้เหมาะกับการออกกำลังกายในรูปแบบนี้ เราควรจะเลือกถุงมือที่มีคุณสมบัติในการยึดจับอุปกรณ์ให้อยู่หมัดจับง่ายถนัดมือ เพราะการออกกำลังกายรูปแบบนี้โดยส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที พร้อมกับควรเลือกใช้วัสดุที่ทำมาจากผ้า เพราะจะได้ผลลัพธ์อย่างเต็มประสิทธิภาพจริง ๆ

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักออกกำลังกายเพศหญิงหรือเพศชาย เชื่อเถอะว่าการมี ถุงมือฟิตเนส ไว้ใช้ในการออกกำลังกายจะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและอุ่นใจได้กว่าจริง ๆ ดังนั้นใครที่ยังไม่มีใช้แนะนำให้รีบไปซื้อโดยด่วน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับการออกกำลังกายแก่สุขภาพของเรา

5 เคล็ดลับสำคัญที่คนอยากสำเร็จในธุรกิจต้องรู้

5 เคล็ดลับสำคัญที่คนอยากสำเร็จในธุรกิจต้องรู้

การทำธุรกิจเป็นหนึ่งงานหรือเป้าหมายสำคัญที่ในหนึ่งธุรกิจก็จะมีเส้นทางสู้ความสำเร็จที่หลากหลายให้เราได้เลือกเดิน แน่นอนว่ารวมไปถึงเส้นทางสู่ความล้มเหลวด้วย อย่างนั้นแล้วเพื่อให้โอกาสในความสำเร็จของธุรกิจมีมากขึ้นได้ เรามาลองถอดบทเรียนง่าย ๆ ของคนที่สำเร็จและมีประสบการณ์ดูว่า ถ้าอยากจะเป็นคนสำเร็จจะต้องมีหลักคิดหรือเคล็ดลับอะไรบ้าง

1. มีความเข้าใจในเรื่องที่ทำจริง ๆ

ข้อแรกนี้สำคัญมาก เพราะธุรกิจของเราจะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลยหากเราไม่รู้จริงหรือไม่เชี่ยวชาญในสิ่งที่ทำ เพราะทุกวันนี้ตลาดมีการแข่งขันสูง หากเราทำได้ไม่ดีเพราะรู้ไม่จริงสุดท้ายลูกค้าก็จะหนีไปเลือกใช้บริหารหรือซื้อสินค้าของคู่แข่งแทน

2. ทำธุรกิจแบบพอดีอย่าติดหรูเกินไป

ถ้าใครที่ทำธุรกิจในช่วงเริ่มต้นแล้วอยากมีออฟฟิศหรู ๆ มีรถสปอร์ตหรือจ้างคนเยอะ ๆ มาประดับไว้ที่สำนักงานโดยที่ยังไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ขอบอกเลยว่าถ้าไม่รวยจนเหลือจริง ๆ อย่าทำเด็ดขาด เพราะนั่นคือการใช้เงินไปกับความสิ้นเปลือง ไม่คุ้มค่า ถ้าอยากสำเร็จอาจต้องขี้เหนียวนิดหนึ่ง และให้ลงทุนไปกับสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น

3. ธุรกิจที่สำเร็จเกิดจากการลงมือทำ

ในกรณีที่คุณกำลังลังเลอยู่ว่าจะลงทุนทำอะไรสักอย่าง แต่ติดเรื่องความไม่พร้อม หรือชอบลังเลรอดูสถานการณ์ ดูเศรษฐกิจให้มันดีก่อนค่อยเริ่ม งานนี้ท่าทางธุรกิจที่คุณฝันไว้คงไม่เกิดขึ้น คนมันจะสำเร็จถ้าทำตอนไหนก็สำเร็จ แต่ต้องทำอย่างฉลาดและในช่วงเริ่มต้นควรเลือกทำเพียงอย่างเดียว แต่ทำให้เต็มที่เท่านั้นพอ

4. การพัฒนาอย่างต่อเนื่องคือกุญแจสำคัญ

ถ้าหากคุณอยากให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ที่ต้องทำก็คือการมี Growth Mindset หรือเป็นคนที่เปิดกว้าง รักการเรียนรู้และมีการพัฒนาอยู่เสมอ เพราะการทำธุรกิจไม่ใช่สมการคณิตศาสตร์ที่ผลของการลงทุนมันจะเป็นไปตามที่คำนวณไว้ ทุกธุรกิจที่สำเร็จล้วนต้องผ่านการเรียนรู้ เปลี่ยนแปลง และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา

5. เสี่ยงได้ แต่ต้องรอบคอบ

การทำธุรกิจก็เหมือนการลงทุน ถ้าอยากได้ผลตอบแทนก็ต้องเสี่ยง และยิ่งเสี่ยงมากก็ยิ่งมีโอกาสได้มาก แต่ที่สำคัญคือ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ วิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างรอบด้าน และอย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจทางธุรกิจเด็ดขาด

ในบางครั้งเราอาจเห็นว่าเคล็ดลับทั้งหมดนี้ฟังดูเป็นเรื่องง่ายที่ใครก็ทำได้ แต่ที่สำคัญคือน้อยคนที่จะนำไปใช้จนทำเป็นนิสัยและต้องทำให้ต่อเนื่องมากพอ แล้วเรื่องแนวคิดง่าย ๆ ทั้งหมดนี้เองที่จะพาธุรกิจเดินไปบนเส้นทางสู่ความสำเร็จได้จริงอย่างที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้