คุณค่าของคู่แข่งธุรกิจที่ต้องขอบคุณ

คุณค่าคู่แข่งธุรกิจที่ต้องขอบคุณ

ในวันที่องค์กรยังคงเป็นผู้นำธุรกิจมีผลประกอบการก้าวหน้าเป็นปกติอาจทำให้เกิดความหยุดนิ่งในการพัฒนาอย่างรอบด้าน แต่ในวันที่มีคู่แข่งปรากฏสิ่งที่มี และเป็นอยู่จะถูกปลุกตื่นให้รับรู้ว่าจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจในแบบเดิมได้ หากเรามองคู่แข่งทางธุรกิจในเชิงลบอาจจะหมายถึงศัตรูคู่อาฆาต หากมองในเชิงบวกคู่แข่งคือสารกระตุ้นฤทธิ์แรงที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพัฒนาศักยภาพธุรกิจให้เติบโตรุดหน้าที่เหล่าผู้ประกอบการจะต้องกล่าวขอบคุณ เราได้อานิสงส์ใดบ้างจากคู่แข่งธุรกิจ

อานิสงส์ที่ได้จากคู่แข่งทางธุรกิจ

กระตุ้นให้เกิดการทบทวนและปรับปรุง ในวันที่มีคู่แข่งธุรกิจเกิดขึ้นกระตุ้นให้รับรู้ว่าธุรกิจจะดำเนินไปในแบบเดิม ๆไม่ได้อีกต่อไป การระดมสมอง ร่วมทบทวนกระบวนการ หาจุดอ่อนจุดแข็ง และการมองหาโอกาสใหม่ๆจะเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ นำสู่แผนพัฒนาปรับปรุง สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ที่มีผู้รับผิดชอบ และกรอบเวลาที่ชัดเจน ปลุกชีพองค์กรให้ตื่นตัวเสมือนมีเส้นตายเร่งรุดให้สู่เป้าหมายแบบเอาเป็นเอาตาย และมีโอกาสสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นในธุรกิจได้

ผลักดันให้เกิดส่วนผสมสินค้าใหม่ ๆ จากปริมาณสินค้าที่เคยสร้างรายได้เพียงพอ เปลี่ยนเป็นต้องเร่งปรับส่วนผสมสินค้าให้มีความหลากหลาย ผลักดันให้เกิดการซื้อเพิ่มเติมจากลูกค้าเดิมที่มีอยู่ สร้างลูกค้าใหม่จากสินค้าใหม่ๆที่ต้องหามาเพิ่มเติม ทั้งสินค้าวางขายระยะยาว และสินค้าเสริมเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อเพิ่มโดยไม่ตั้งใจ (impulse products) เพิ่มสีสันในการจับจ่าย เพิ่มมูลค่าบิลให้สูงขึ้น

เป็นตัวเร่งพัฒนาช่องทางการขาย และให้บริการให้ทันสมัย จากร้านที่ให้บริการแบบออฟไลน์ เปลี่ยนมาเป็นระบบการขายที่สามารถส่งลูกค้าถึงกันจากร้านออนไลน์สู่ร้านออฟไลน์ หรือ on to off – off to on หรือ omni channel ที่สร้างความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงสินค้าและบริการ ง่ายและปลอดภัยในการจ่าย และส่งถึงมือผู้บริโภคฉับไวและสมบูรณ์ สอดรับกับพฤติกรรมการบริโภคที่ใช้ชีวิตผ่านช่องทางดิจิตอลมากขึ้น

มุ่งมั่นพัฒนาบุคลากร เร่งพัฒนาบุคลากรให้เปี่ยมประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความประทับใจในแบรนด์ และดึงลูกค้าไม่ให้เปลี่ยนใจไปใช้บริการคู่แข่ง และมีโอกาสเพิ่มมูลค่าขายต่อบิลด้วย เช่น เปลี่ยนวิธีคัดเลือกพนักงานให้เข้าถึงคนคุณภาพ มีคุณสมบัติตรงกับงานที่รับผิดชอบมากที่สุด, เพิ่มมาตรฐานการฝึกอบรมเพื่อสร้างงานบริการเหนือความคาดหมาย, เพิ่มความเร็ว ลดภาระคนด้วยระบบดิจิตอล,สร้างระบบวัดผลตอบรับจากลูกค้า นำสู่การแก้ไขพัฒนาเพิ่มความประทับใจได้อย่างทันท่วงที

เร่งพัฒนาองค์ความรู้ เปิดโลกทัศน์เรียนรู้รอบด้าน ศึกษา ค้นคว้าวิจัยสินค้าและบริการใหม่ๆที่เหนือคู่แข่งขัน เพิ่มความหลากหลาย สร้างทางเลือก และมูลค่าธุรกิจให้มากขึ้น

เหนือฟ้ายังมีฟ้า การรุกก้าวไปข้างหน้าด้วยการเรียนรู้พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเป็นความจำเป็นสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ไม่เพียงแต่เจ้าของผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการพัฒนาศักยภาพและวิธีคิดของทีมงานทั้งหมดที่ขับเคลื่อนธุรกิจให้มองเห็นในทิศทางเดียวกัน จงมองคู่แข่งเป็นยาชูกำลัง เป็นเครื่องมือเร่งความสำเร็จให้ธุรกิจของตนเอง

อยากขายของออนไลน์เลือกขายบนแพลตฟอร์มไหนดี ?

อยากขายของออนไลน์เลือกขายบนแพลตฟอร์มไหนดี

เชื่อว่าตอนนี้หลายคนอยากเป็นเจ้าของกิจการตัวเอง ด้วยการหาวิธีนำสินค้ามาตั้งขายบนหน้าร้าน แต่ทุกวันนี้หน้าร้านออฟไลน์ก็ดันเหลือน้อยเกิน จากการที่สินค้าไปอยู่บนโลกออนไลน์กันหมด ผู้ประกอบการหลายคนจึงเลือกจะไปขายของบนช่องทาง social media แต่ก็ไม่รู้ว่าจะขายยังไงสินค้าแบบใดถึงเหมาะกับแพลตฟอร์มนั้น เราจึงนำการขายสินค้าบน social media เหล่านี้มาให้ทุกคนดูกัน ว่าเขาทำอย่างไรบ้างและแบบไหนเหมาะกับตัวคุณ

Facebook

การขายของใน Facebook เป็นที่นิยมไม่น้อยถ้าต้องการจับกลุ่มลูกค้า Gen Y Gen X รวมไปถึง Babyboomer ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่นิยมเล่น Facebook ในไทยเวลานี้ ถ้าต้องการขายสินค้ากับเพื่อนก็อาจ live ขายตรง ๆ เลยก็ได้ แต่ระยะหลังวิธีนี้เริ่มไม่ได้ผล เพราะ Facebook เริ่มปรับระบบ AI ใหม่ ให้ผู้ใช้งานเห็นโฆษณาในหน้าฟีดมากขึ้น ดังนั้นเพื่อให้มียอดขายควรสร้างเพจแล้วไลฟ์จะทำให้ผู้คนเห็นง่ายกว่า หรือถ้าไม่อยากเสียเวลาทำเพจ ขายของเพียงไม่กี่ชิ้น แนะนำว่าควรเข้าไปยังกลุ่มที่มีผู้คนสนใจต่อการซื้อของออนไลน์ เช่น กลุ่มเสื้อผ้ามือสอง กลุ่มรถเก๋ง เป็นต้น เมื่อเราไลฟ์สดในกลุ่มจะทำให้ผู้คนเห็นไลฟ์ของเรา และมีโอกาสเกิดการซื้อขายมากกว่าการไลฟ์สดกับเพื่อนในเฟสส่วนตัว หรืออีกวิธีหนึ่งสามารถโพสสินค้าที่เราต้องการขายไว้ใน marketplace

TikTok

เรียกได้ว่าเป็นแอพพลิเคชั่นมาแรงแห่งปีที่ Meta ถึงขั้นต้องคัดลอก feature บางส่วนไปใช้ในระบบของ Facebook และ Instagram การจะขายของใน TikTok จำเป็นต้องมีผู้ติดตามในระดับนึง ถึงจะเริ่มขายสินค้าตามที่ต้องการ โดยมากจำนวนผู้ติดตามควรอยู่ในระดับหลักพันขึ้นไป เพื่อให้มีผู้รับชมพอสมควร และเมื่อเรามีผู้ติดตามในระดับที่ต้องการแล้ว ก็เริ่มไลฟ์สดขายด้วยฟีเจอร์ Tiktok shop ด้วยระบบนี้ผู้ซื้อสามารถโอนเงินได้จบภายในหน้าเดียว ไม่ต้องเข้าอีก 2 -3 แอปฯสำหรับการโอนเงินธนาคาร นอกจากนี้ข้อดีของการขายใน TikTok shop คือคุณไม่จำเป็นต้อง stock สินค้าด้วยตนเอง เพราะเราอาจเป็นนายหน้าให้แก่ร้านค้าอื่นด้วยการไลฟ์ขายสินค้าของร้านนั้น ซึ่งจะมีรายได้เป็น % จากราคาของสินค้าที่ขายออกไป

Twitter

Twitter ก็เป็นหนึ่งในช่องทางที่สามารถทำการขายได้เช่นเดียวกัน แม้ว่าตัวแพลตฟอร์มจะถูกออกแบบมาเพื่อพูดคุยข่าวสารที่เกิดขึ้น การจะขายของในนี้แนะนำว่าไม่ควรรีทวิตมากนัก แต่ต้องสร้างโปรไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการขายของเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ได้ว่าเรามีจุดประสงค์ในการขายสินค้า และช่องทางการโปรโมทสินค้าทำได้ด้วยการติดแฮชแท็กตาม Trend ที่ติดอันดับเช่น สมมติว่า Trend คือดาราเกาหลีชื่อหนึ่ง เราก็สร้างโพสต์ขายด้วยการติดแฮชแท็กของดาราชื่อนั้น และอัปโหลดรูปของสินค้าเราเข้าไป เพื่อให้คนติดตามแท็กนี้เห็นสินค้าและเกิดการซื้อขาย

การเลือกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียขึ้นอยู่กับว่าเรามีลักษณะการเล่นอย่างไรด้วย หากเป็นคนที่มีผู้ติดตามน้อยในโซเชียลอย่าง Facebook และ TikTok ควรเลือกใช้เป็น Twitter เพื่อให้มีคนเห็นสินค้าเรา ทั้งนี้ควรออกแบบสินค้าอย่างมีคุณภาพ จะช่วยดึงดูดให้มีคนสนใจในระยะยาว

การลงทุนที่คนวัยทำงานนิยม มีกี่แบบ

การลงทุนที่คนวัยทำงานนิยม มีกี่แบบ

ในปัจจุบันคนวัยทำงานนิยมศึกษาด้านการเงินและลงทุนมากขึ้น เพราะได้รับดอกเบี้ยมากกว่าการออมใส่กระปุกหรือฝากธนาคาร ทั้งยังมีการลงทุนหลายแบบที่ช่วยเพิ่มมูลค่าของทรัพย์สินได้ในระยะยาว ทำให้มีเงินทุนไปประกอบธุรกิจส่วนตัวในอนาคต และเป็นช่องทางสู่การมีอิสรภาพทางการเงินในไม่ช้า
เรามาดูกันว่า ในปัจจุบันคนวัยทำงานนิยมลงทุนแบบใดบ้าง

1. ฝากธนาคารแบบประจำ
เป็นเทคนิคที่เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินต้น แม้จะได้ดอกเบี้ยน้อยกว่าการลงทุนในหุ้น แต่ก็ถือว่ามีดอกเบี้ยสูงกว่าการฝากธนาคารแบบออมทรัพย์ทั่วไป โดยสามารถเลือกได้ว่าจะฝากต่อเนื่องนานกี่เดือน เช่น 12 เดือน 24 เดือน เมื่อนำเงินไปฝากทุกเดือนที่หน้าเคาน์เตอร์หรือหักบัญชีอัตโนมัติ ก็จะได้ดอกเบี้ย 2 ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ต่อปี เมื่อครบกำหนดก็สามารถถอนไปลงทุนต่อในรูปแบบอื่นได้อีก

2. ลงทุนในตราสารหนี้
เป็นการลงทุนอีกรูปแบบที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าแบบแรก ตัวอย่างตราสารหนี้ที่นิยม ได้แก่ การซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งจะมีอายุประมาณ 1 ปีขึ้นไป หรือการซื้อหุ้นกู้ ซึ่งเป็นของสถาบันเอกชน การลงทุนในตราสารหนี้ของต่างประเทศ ก็เป็นวิธีที่ได้รับความสนใจอย่างมากในระยะหลัง ซึ่งสามารถศึกษาข้อมูลได้จากสถาบันการเงินและธนาคารทั่วประเทศ

3. กองทุนรวม
การลงทุนผ่านกองทุนรวมเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เหมาะกับผู้ที่ทำงานประจำ ไม่มีเวลาติดตามราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ เช่น ทองคำ ราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ฯลฯ แม้จะมีเงินทุนน้อยก็สามารถเพิ่มมูลค่าของเงินได้ โดยระบบกองทุนคือ การให้ผู้เชี่ยวชาญบริหารกองทุนนำเงินไปจัดสรรและก็ส่งมอบผลตอบแทนในรูปแบบปันผลหรือทำให้ราคาหน่วย NAV สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาหรือสูงกว่าผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ผู้ลงทุนได้กำไรส่วนต่างเมื่อขายกองทุนนั่นเอง

4. ลงทุนในหุ้น
การซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เหมาะกับผู้ที่มีเวลาศึกษาหาข้อมูลของบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้น ก่อนที่จะซื้อหุ้นของบริษัทใด ๆ ควรที่จะดูความมั่นคงของธุรกิจ ศึกษาตัวเลขของงบการเงิน หาข้อมูลด้านนโยบายและวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร โดยหลักการคือ ผู้เล่นหุ้นจะรอจังหวะซื้อช่วงที่ราคาถูก แล้วขายในราคาที่สูง ซึ่งอาจถือหุ้นแบบระยะสั้นหรือยาวก็ได้ เพื่อรับเงินส่วนต่างเป็นกำไรจากการลงทุน หรือถ้าเก็บหุ้นไว้ในพอร์ตระยะหนึ่งก็มีโอกาสได้รับเงินปันผลด้วย 1-2 ครั้งต่อปี ถ้ากิจการที่ถือหุ้นนั้นทำกำไรดี

จะเห็นได้ว่าเทคนิคที่กล่าวมาเป็นสิ่งที่คนวัยทำงานใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าของเงินที่มีอยู่ ซึ่งสามารถเลือกทำหลายแบบผสมผสานกันได้ เป็นการปรับมูลค่าพอร์ตการลงทุนตามสภาวะของแต่ละคน ขอเพียงศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนลงทุน ก็จะได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมในอนาคตอย่างแน่นอน

รู้จักวิธีการออมเงินแบบฉบับคนรวย

รู้จักวิธีการออมเงินแบบฉบับคนรวย

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เราทุกคนต่างก็ต้องการมีฐานะที่ดี และมีความมั่นคงทางการเงินทั้งนั้น ทำให้เราต้องขยันสร้างรายได้และเพิ่มการเก็บออม แต่หลายคนก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรที่จะเป็นการออมที่ดีทีสุด ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุด คือ การศึกษาว่าคนรวยมีฐานะจากการออมเงินด้วยเทคนิคหรือวิธีใดบ้าง เพื่อนำมาประยุกต์กับตัวเอง เราจึงได้นำเทคนิคที่น่าสนใจมาฝากกัน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถร่ำรวยได้เช่นกัน ถ้าทำตามอย่างถูกต้อง

1. ซื้อทองคำเก็บไว้
ทองคำถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง แม้ว่าในบางช่วงเวลาราคาทองคำอาจจะลดลง แต่โดยภาพรวมแล้ว ราคาทองคำสูงขึ้นหลายเท่าตัวจากในอดีต ลองเปรียบเทียบดูว่าเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ทอง 1 บาทนั้น ราคาต่ำกว่า 10,000 บาท แต่ในปัจจุบันราคาทองอยู่ที่ 20,000 กว่าบาท การซื้อทองเก็บไว้จึงมีแต่ทางที่จะได้กำไร ทั้งนี้ การซื้อทองก็จะต้องเลือกจากร้านที่ไว้ใจได้ จะซื้อในรูปแบบทองรูปพรรณหรือทองคำแท่งก็ได้เช่นกัน

2. ซื้อกองทุนรวม
การออมผ่านกองทุนรวม เป็นเทคนิคการออมเงินที่คนรวยส่วนใหญ่ลงทุนกัน ซึ่งคนที่ทำงานเป็นข้าราชการได้รับเงินรายเดือน หรือรายวันก็สามารถทำได้เช่นกัน เพียงแต่เฉลี่ยเงินในการออมผ่านกองทุนอย่างสม่ำเสมอผ่านธนาคารออนไลน์ ทั้งนี้ต้องศึกษาวิธีการเลือกกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงในระดับที่เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งแต่ละกองทุนนั้นจะมีการบริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องด้านความทุจริตและรักษาผลประโยชน์ของผู้ซื้อกองทุนได้อย่างดีที่สุด กองทุนมีหลากหลายกลุ่ม เช่น กองทุนทองคำ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนด้านสุขภาพ เป็นต้น

3. การซื้อที่ดิน
การซื้อที่ดินก็เป็นวิธีการเก็บออมเงินที่สำคัญ เนื่องจากที่ดินทำเลดี ๆ ในปัจจุบันนั้นมีมูลค่าที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ หากคุณสามารถตระเวนหาซื้อที่ดินทำเลดีได้ตั้งแต่ช่วงที่คนยังไม่สนใจ ก็จะทำให้หาซื้อได้ในราคาถูก และในอนาคตข้างหน้าสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่าตอนที่ซื้อหลายเท่าตัว หลังจากมีการสร้างห้างสรรพสินค้าหรือมีการสร้างเส้นทางถนนสายใหญ่ตัดผ่านในภายหลัง ถือว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าเงินออมหลายเท่าตัวเป็นหลักแสนหลักล้านบาทเลยทีเดียว

4. ซื้อพันธบัตรรัฐบาล
พันธบัตรรัฐบาลเป็นการออมเงินที่เสี่ยงต่ำ เหมาะกับคนที่มีเงินเหลือเก็บอยู่จำนวนมากและไม่มีเวลาศึกษาด้านการลงทุน จะได้รับดอกเบี้ยเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ โดยที่รัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันให้ถึงความเสี่ยงต่าง ๆ นับว่าเป็นเทคนิคที่ไม่ต้องกังวลว่าเงินที่ลงไปจะสูญหาย

จะเห็นได้ว่า การออมที่มีประสิทธิภาพนั้นต้องปรับให้เข้ากับสถานะของแต่ละบุคคลด้วย การเรียนรู้เทคนิคการออมตามแบบฉบับของคนรวยมีฐานะการเงินมั่นคงนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ควรปรับสัดส่วนให้เข้ากับตัวเองด้วย จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด

ธุรกิจที่น่าทำ หลังยุคโควิด-19 ระบาด

ธุรกิจน่าทำ ยุคโควิด

เมื่อมีสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายเดือนต่อเนื่อง ทำให้เกิดภาวะล็อกดาวน์ งดกิจกรรมต่าง ๆ ห้างสรรพสินค้าก็มีช่วงเวลาเปิดปิดที่รัดกุมมากขึ้น หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ ทั้งการขนส่ง ธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจสโมสรฟุตบอลที่ทำเอาแฟนๆแทงบอลเต็งบอลเสต็ปอดเล่นไปยกใหญ่จากการแข่งที่ต้องหยุดชะงักทั้งหมด ฯลฯ แม้ดีต่อการควบคุมโรคไม่ให้แพร่กระจาย แต่ก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศ ทำให้มีกิจการมากมายที่ต้องล้มเลิกไป รวมถึงมีปัญหาหนี้สินตามมาอีกมาก ผู้ที่คิดจะลงทุนกิจการใหม่หลังภาวะโควิด-19 ระบาด จึงจำเป็นจะต้องศึกษาแนวทางให้ดีและพยายามควบคุมความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ให้มากขึ้น เรามาดูกันว่ามีธุรกิจอะไรที่น่าทำบ้าง หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด

ธุรกิจขายอาหาร : อาหารเป็นปัจจัย 4 ที่เราทุกคนจะต้องบริโภค หากเน้นการทำเมนูอาหารที่รับประทานได้เป็นประจำทุกวัน มีความสะอาด รสชาติดี ใช้วัตถุดิบมีคุณภาพ ทั้งเนื้อสัตว์ ผัก เครื่องปรุง จากภายในประเทศที่ลดต้นทุนได้ จำหน่ายในราคาไม่แพง ก็จะดึงดูดใจผู้คนที่มีกำลังทรัพย์น้อย ให้มาซื้อได้อย่างสม่ำเสมอและเป็นลูกค้าประจำไปยาวนาน

ธุรกิจจัดส่งสินค้า : การนำส่งสินค้าจากต้นทางไปปลายทางได้รับความนิยมอยู่เสมอ เพราะช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประหยัดเวลาในการทำงานของผู้คนซึ่งจำเป็นต้องใช้เพื่อการทำอาชีพเสริมสร้างรายได้มากขึ้น และยังลดค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ทั้งนี้ ถ้าคิดราคาการขนส่งสินค้าอย่างย่อมเยาและมีโปรโมชั่นพิเศษให้แก่ลูกค้าอยู่เสมอ ก็จะดึงดูดใจให้เกิดการใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ควรการันตีความเรียบร้อยในการจัดส่งสินค้าด้วย เพราะว่าจะทำให้ลูกค้าไว้วางใจในแบรนด์มากขึ้น

ธุรกิจด้านสุขภาพ : จากการที่โควิด-19 ทำให้คนที่สุขภาพอ่อนแอติดโรคง่าย ทำให้คนจำนวนมากหันมาใส่ใจการดูแลสุขภาพ เพื่อที่จะลดโอกาสการติดเชื้อหรือเจ็บป่วยในอนาคต เพราะไม่มีใครทราบแน่นอนว่า อาจจะเกิดการระบาดของเชื้อโรคใดในอนาคตขึ้นมาได้อีกบ้าง ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่ดูแลเรื่องของสุขภาพและอาหารเสริมต่าง ๆ จึงเป็นธุรกิจที่น่าสนใจลงทุน อย่างไรก็ตาม ต้องศึกษาเรื่องสรรพคุณของสารต่าง ๆ ให้ดีและต้องไม่ลงทุนมากเกินไป ค่อย ๆ ปรับตัวตามแนวโน้มสภาพตลาดดีที่สุด

ธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ : สังคมไทยกำลังเป็นสังคมแห่งผู้สูงอายุมากขึ้น บุตรหลานจึงให้ความสำคัญเรื่องนี้มากขึ้นด้วย ธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ มีตั้งแต่เรื่องของอาหารเครื่องใช้เพื่อลดอุบัติเหตุ เครื่องนวดเพื่อสุขภาพ เครื่องออกกำลังกาย ฯลฯ รวมถึงธุรกิจจัดหาผู้ดูแลผู้สูงอายุตามบ้านเรือนด้วย จึงนับว่าเป็นอีกธุรกิจที่น่าลงทุน

จะเห็นได้ว่า ยังมีธุรกิจอีกมากมายที่รอให้คุณลงทุนหลังสถานการณ์โควิด-19 สงบลงแล้ว ทั้งนี้ คุณควรเลือกธุรกิจที่ตรงกับความสนใจและสามารถพัฒนาต่อยอดได้ โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดทุน และมีโอกาสเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไปในระยะยาว

อยากทำธุรกิจให้รวย ผู้เริ่มลงทุนต้องอ่าน

อยากทำธุรกิจให้รวย ผู้เริ่มลงทุนต้องอ่าน

เทคนิคการทำธุรกิจที่จะทำให้ผู้เริ่มลงทุนมือใหม่กลายเป็นคนรวยได้อย่างรวดเร็วนั้น ต้องเกิดจากวิธีการคิดและลงมือทำที่แตกต่าง โดยอยู่ภายใต้การวางแผนที่มีเป้าหมายชัดเจน

เราจึงรวบรวมเทคนิคที่น่าสนใจจากนักธุรกิจชั้นนำ ที่จะทำให้ผู้นำไปปฏิบัติตามกลายเป็นผู้มั่งคั่งร่ำรวยได้อย่างรวดเร็ว ดังนี้

1. ไม่กลัวความลำบากและกล้าเสี่ยง

ผู้ที่ร่ำรวยส่วนใหญ่มักมาจากการได้ลงมือปฏิบัติทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง เริ่มจากการมองหาสิ่งที่ชอบและท้าทายความสามารถ แม้จะมีความยากลำบากหรือความเสี่ยงที่จะขาดทุนก็ไม่ท้อแท้

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการทำกิจการแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ก็ต้องเริ่มจากการลงมือเรียนตัดเย็บเสื้อผ้า ศึกษาวิธีการออกแบบตามแฟชั่นต่าง ๆ ควบคู่กับการเปิดเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ ที่ต้องมีการศึกษาระบบ SEO หรือ Search Engine Optimization และวางแผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ด้วยตัวเองในเบื้องต้น

2. ควบคุมต้นทุนทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีใหม่

การทำธุรกิจต้องมีการควบคุมต้นทุน เพื่อให้มีกำไรมากที่สุด สำหรับการลงทุนต่อยอดในระยะยาว ซึ่งเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากคือ การใช้ AI หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์แทนการใช้แรงงานคน เพื่อการลดค่าใช้จ่ายและลดข้อผิดพลาดในการทำงานได้

ทั้งนี้ ต้องมีการคิดให้รอบด้านว่าเหมาะกับธุรกิจของคุณหรือไม่ หรือนำมาปรับใช้กับกระบวนการขั้นตอนใดได้บ้างที่จะทำให้เพิ่มผลผลิตได้มากและเร็วขึ้น

3. รู้จักสร้างมูลค่าเพิ่ม

การจำหน่ายสินค้า โดยเฉพาะอาหารสด ผักผลไม้ในราคาหน้าฟาร์ม (ไม่ผ่านการแปรรูป) จะมีรายได้สู่ธุรกิจน้อยกว่าการแปรรูปแบบต่าง ๆ เช่น การบรรจุในถุงสุญญากาศเพื่อเก็บได้นาน การบรรจุกระป๋องเพื่อส่งขายต่างประเทศ ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่นักธุรกิจที่ต้องการสร้างความร่ำรวย ต้องศึกษาอย่างลึกซึ้งและกล้าลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่งดงามกว่าเดิม

4. การมีพันธมิตรทางธุรกิจ

การรู้จักคบเพื่อนที่ดี จะช่วยให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การส่งต่อข่าวสารที่รวดเร็ว ซึ่งนักธุรกิจจำนวนไม่น้อยใช้เทคนิคการสร้างพันธมิตรในการลดต้นทุนทางธุรกิจ โดยเอาความสามารถที่โดดเด่นแตกต่างกันมาส่งเสริมซึ่งกันและกัน เช่น คุณมีบริษัททำด้านบรรจุภัณฑ์ ก็สามารถรวมตัวกับเพื่อนที่มีฟาร์มจำหน่ายเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ผลิตเป็นสินค้าแปรรูปวางจำหน่าย โดยประสานกับเพื่อนที่ทำธุรกิจในวงการบันเทิงหรือทำด้านการตลาด ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ โดยคิดค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าท้องตลาด เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จแบบคนรวย จะต้องอาศัยทั้งแนวคิดและการปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อช่วยให้ได้เรียนรู้จากประสบการณ์และเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หวังว่าผู้เริ่มทำธุรกิจทุกท่านคงได้รับแนวทางจากบทความนี้ไปปรับใช้เพื่อให้ก้าวสู่ความร่ำรวยในอนาคตได้ไม่ยาก

เทคนิคที่น่าสนใจจากนักธุรกิจชั้นนำ