Phishing ภัยร้ายที่ต้องระวังในยุคดิจิทัล

Phishing ภัยร้ายที่ต้องระวังในยุคดิจิทัล

Phishing อ่านออกเสียงว่า ฟิชชิ่ง ซึ่งเป็นคำพ้องเสียงกับคำว่า Fishing ซึ่งมีความหมายว่า ตกปลา โดยลักษณะพฤติกรรมจะคล้ายเป็นการส่ง e-mail, ข้อความ, ลิงก์เว็บไซต์ปลอมหรือลิงก์ของแถมในการดาวน์โหลด เพื่อล่อลวงให้เหยื่อติดกับเพื่อล้วงเอาข้อมูลส่วนตัว จากนั้นจึงแฮกเอาเงินฝากในบัญชีหรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทางการเงิน เช่น คริปโตเคอเรนซี หุ้น ซึ่งส่วนใหญ่มักจะทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ

โดยในช่วงที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อมากขึ้น โดยเฉพาะการกดเข้าไปในลิงก์ต่าง ๆ ที่ส่งมาทาง Messenger, Line นอกจากมียังในส่วนของเว็บปลอมหรือการแจ้งเว็บธนาคารขัดข้อง ก่อนที่จะส่งลิงก์ทางเข้าใหม่มาให้เหยื่อกดลิงก์เพื่อใส่ User และ รหัสผ่าน ซึ่งกว่าจะรู้ตัวเงินในบัญชีก็ทยอยโดนถอนออกไปเกือบหมดแล้ว ซึ่งปัจจุบันลิงก์ปลอมเกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลกำลังระบาดเป็นอย่างมาก เช่น โครงการเราชนะ, โครงการคนละครึ่ง โครงการเงินช่วยเหลือจากธนาคารต่าง ๆ เพียงกรอกชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนและหมายเลขโทรศัพท์มือถือ เพียงเท่านี้คุณก็ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพโดยไม่รู้ตัว

รู้เท่าทัน เพื่อป้องกันตนเองจาก Phishing

แฮกเกอร์จะทำการปลอมแปลงเว็บไซต์ ข้อมูล แบบฟอร์มต่าง ๆ ให้เหมือนจริงมากที่สุด เพื่อล่อหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อ ดังนั้น ควรพิจารณาให้ดีเสียก่อน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพเหล่านั้นได้ โดยมีวิธีป้องกันตนเองดังนี้

หากได้รับ e-mail แปลก ๆ จากแหล่งที่ไม่เคยรับมาก่อน หรือเป็น e-mail จากธนาคาร ควรพิจารณาถึงหัวข้อของ e-mail หรือที่อยู่ของ e-mail ถูกต้องตรงตามเว็บไซต์ของธนาคารจริงหรือไม่ ก่อนจะคลิกลิงก์ หรือพิจารณาว่าตนเองมีการติดต่อธุรกรรมกับธนาคารในหัวข้อใด จำเป็นที่จะต้องส่งข้อมูลผ่านทาง e-mail หรือไม่

ตรวจสอบ URL ของแหล่งที่อ้างอิงหรือกล่าวถึงให้เข้าไปถึงครั้ง เพราะส่วนใหญ่จะมีการปลอมแปลงได้เหมือนจริงมาก เช่น โครงการเราชนะ.con, โครงการเราชนะ.cc, โครงการเราชนะ.in เป็นต้น

ติดตั้ง Anti Virus ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมอัปเดทตลอดเวลา

หมั่นตรวจสอบคอมพิวเตอร์ แท็ปเลต สมาร์ทโฟนและคอยสังเกตโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันภายในเครื่องว่ามีแอปพลิเคชันใดที่โผล่มาเองโดยที่ไม่ได้โหลด หรือมี Service บางชนิดกำลังทำงาน ในขณะที่เครื่องไม่ได้ใช้งานอะไร

ยกเลิกการบันทึกข้อมูลส่วนตัวทั้งหมด เช่น User Password ไว้ที่ระบบคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็น google, apple id เพราะหากโดนแฮกได้เท่ากับว่า User Password ทั้งหมด จะตกในมือของมิจฉาชีพทันที โดยเฉพาะในกรณีที่โทรศัพท์มือถือหายหรือถูกขโมย

หากมีการแจ้งขอรหัส OTP หรือ ส่งลิงก์ให้ใส่รหัส OTP ถ้าไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ห้ามใส่ข้อมูลเป็นอันขาด เพราะเป็นไปได้ว่า เบอร์มือถืออาจโดนแฮกแล้วก็เป็นได้

ควรทำการเปลี่ยนรหัสผ่านของ e-mail, Facebook, ธนาคาร และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและมีความสำคัญทุก ๆ 3 เดือน พร้อมกับจดบันทึกลงในสมุดแทนการบันทึกลงในระบบคลาวด์

แม้ว่า Phishing จะเป็นภัยร้ายที่สามารถทำให้เหยื่อสิ้นเนื้อประดาตัวได้ แต่ถ้าใช้งานแอปพลิเคชันและอินเทอร์เน็ตด้วยความระมัดระวัง ก็จะทำให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการเหล่านั้นได้

เทคนิคซื้อรถมือสอง ไม่ต้องกลัวจะถูกย้อมแมวขาย

เทคนิคซื้อรถมือสอง ไม่ต้องกลัวจะถูกย้อมแมวขาย

การซื้อรถมือสองอาจกลายเป็นฝันร้ายเมื่อคุณทำพลาดครั้งใหญ่ จ่ายซื้อรถยนต์ที่ถูกนำมาย้อมแมวขายโดยไม่ได้ตั้งใจ สภาพรถสวยภายนอกแต่เมื่อมาอยู่ในมือได้ใช้งานจริงแล้วถึงได้รู้ว่ามีข้อบกพร่องมากมายที่มองไม่เห็นตั้งแต่แรก เทคนิคการซื้อรถมือสองให้ตอบโจทย์ต้องทำอย่างไร มีขั้นตอนมาแนะนำดังนี้

1.ค้นข้อมูลรถมือสองทั่วไป
ก่อนจะไปดูรถยนต์ที่เต็นท์รถมือสอง ให้ค้นหาข้อมูลรถยนต์รุ่นที่ต้องการก่อน ศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ ทั้งรายละเอียดเฉพาะ การใช้งานที่ผ่านมา ประสบการณ์ของผู้ใช้รถรุ่นนี้เจอปัญหาอะไรกันบ้าง ค่าซ่อมบำรุง และราคาของแต่ละรุ่นปี ถ้าซื้อมาขับใช้งานประจำวันอย่าเลือกรถที่รุ่นปีเก่าเกินไป มองจุดอ่อนของรถยนต์แต่ละรุ่นเพื่อใช้เป็นอำนาจต่อรองให้ได้ราคาคุ้มค่าที่สุด

2.ตั้งงบประมาณที่เหมาะสม
แม้จะเป็นรถมือสองลดราคาแล้วก็ยังเป็นเงินไม่ใช่น้อย ก่อนซื้อรถควรประเมินงบประมาณล่วงหน้าว่าผ่อนไหวหรือไม่ อย่างน้อยจะต้องชำระเงินดาวน์ได้ 20% วางแผนกู้เงินและจ่ายค่างวดรายเดือน ค่าประกันรถ ค่าซ่อม ค่าน้ำมันในแต่ละเดือน รถยนต์รุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน คุณสมบัติมากมายที่ทำให้มูลค่าลดลง พิจารณาดูว่าจ่ายเงินซื้อคุ้มกับค่าซ่อมหรือไม่ เต็นท์รถมีรถยนต์มือสองให้เลือกมากมายลองค้นหาข้อมูลทางออนไลน์ก่อน จากนั้นขอใบเสนอราคาและเช็คสภาพรถไปทีละคันเพื่อให้ตัดสินใจไม่ผิดพลาดและเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุด

3.เตรียมข้อมูลถามผู้ขายให้ชัดเจน
ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรถมือสองที่ต้องการ ตั้งคำถามให้ได้รายละเอียดมากที่สุด ซักถามผู้ขายแต่ละรายให้ได้คำตอบที่กระจ่างชัดเจน เจ้าของคนก่อนเป็นใครใช้งานแบบรถบ้านเจ้าของขายอาย หรือใช้งานแบบอื่น ทำไมถึงขายรถ ผ่านเจ้าของมากี่มือ เช็คสภาพรถเป็นอย่างไร เลขไมล์อยู่ที่เท่าไร เคยชนมาหรือไม่ มีจุดบกพร่องตรงไหนบ้าง ตรวจซ่อมบำรุงครั้งล่าสุดเมื่อไร เช็คความสึกหรอของรถยนต์ หลังจากสอบถามแล้วให้ตรวจสอบรถด้วยตัวเอง หาเพื่อนไปดูด้วยหรือพาช่างยนต์ที่ไว้ใจได้ไปด้วยช่วยตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งรอยซ่อมตัวถัง สนิมและความเสียหายต่าง ๆ สภาพยาง เช็คสภาพห้องโดยสารทั้งระบบควบคุม เบาะนั่ง และกลิ่นภายในรถ ในกรณีที่รถผ่านการแต่งมาแล้ว เช็คว่าการดัดแปลงเป็นการปกปิดความบกพร่องหรือเป็นการตกแต่งทั่วไป เน้นสภาพเดิม ๆ ใกล้เคียงรถที่ออกจากโรงงานมากที่สุด

4.ทดลองขับให้ชัวร์
การซื้อรถมือสองมองแต่ตาเปล่าไม่ได้ ตรวจสภาพรถอย่างละเอียดแล้วเห็นว่ารถยนต์ดูดีจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังต้องลองขับให้เห็นสมรรถนะที่แท้จริง เช็คประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ พวงมาลัย แผงหน้าปัด เบรก ระบบไฟฟ้า ที่ปัดน้ำฝน เครื่องปรับอากาศ กระจกไฟฟ้า ฯลฯ หากลองขับแล้วเห็นว่าราคาไม่สมเหตุสมผล รวบรวมข้อมูลไปใช้ต่อรองราคาได้

เมื่อตัดสินใจซื้อรถมือสองแล้วควรเลือกให้ดี เทคนิคข้างต้นจะช่วยให้เก็บรายละเอียดข้อมูลสำคัญ ๆ ทำให้ซื้อรถคันจริงที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายทุกบาททุกสตางค์ เมื่อซื้อมาแล้วจะไม่ผิดหวัง

5 กิจกรรมเพิ่มสุขให้กับครอบครัวยุค New Normal

5 กิจกรรมเพิ่มสุขให้กับครอบครัวยุค New Normal

ครอบครัวเปรียบเสมือนที่พักกาย-ใจ ของใครหลายคน ยิ่งวันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะมีสมาชิกทุกคนกลับมาพบกัน ทำกิจกรรมสนุก ๆ ร่วมกัน เพียงแค่นึกก็ชวนสุขใจแล้ว อีกทั้งการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงนี้ ยังทำให้อัตราการอยู่ที่บ้านสูงมากขึ้นด้วย มาดูกันว่าหากต้องเก็บตัวอยู่บ้าน มีกิจกรรมใดบ้างที่น่านำมาเพิ่มความสุขให้กับครอบครัว

5 กิจกรรมเพิ่มสุขในยุค New Normal ที่ทำร่วมกันได้อย่างเพลิดเพลิน มีดังนี้

1. จัดคอนเสิร์ตในบ้าน
ในช่วงนี้การออกไปปาร์ตี้สังสรรค์คงเป็นเรื่องยาก ฉะนั้นการเนรมิตให้ห้องใดห้องหนึ่งภายในบ้านเป็นห้องคาราโอเกะก็ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ เป็นกิจกรรมเพื่อให้เด็ก ๆ รวมไปถึงสมาชิกในครอบครัวคนได้ผ่อนคลายไปกับเสียงเพลง เต้นรำ อาหารขบเคี้ยวมากมายบนโต๊ะอาหาร กิจกรรมเช่นนี้จึงไม่ควรพลาดที่จะทำร่วมกันกับคนในครอบครัว

2. บอร์ดเกมแสนสนุก
กิจกรรมนี้สามารถทำร่วมกันได้บ่อยครั้งได้ตามต้องการ เพราะถือเป็นกิจกรรมพักสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์-โทรศัพท์ ที่ต้องจดจ่อระหว่างวันนาน ๆ บอร์ดเกมมีตัวเลือกให้เราได้เลือกตามความชอบที่หลากหลาย อาทิ เกมธุรกิจ เกมใบ้คำ เกมจับผิด เกมผจญภัย ฯ ทั้งยังช่วยฝึกสมองประลองปัญญา เพิ่มความรู้ให้กับสมาชิกตัวน้อยภายในบ้านได้อีกด้วย

3. เปิดโรงภาพยนตร์ส่วนตัว
การดูภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ร่วมกันถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ ยิ่งทุกวันนี้มีแอปพลิเคชันมากมายเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกชมภาพยนตร์ซีรี่ส์ได้มากตามความพอใจ จึงนับเป็นกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มรอยยิ้มให้กับคนในครอบครัวได้ทุกคน โดยสมาชิกในครอบครัวยังสามารถนำเนื้อหา-ข้อคิดที่ได้จากการรับชมมานั่งพูดคุยกันต่อบนโต๊ะอาหารได้ด้วย

4. ทำความสะอาดบ้านร่วมกัน
จริงอยู่ที่การทำงานบ้านเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่หากเราได้ทำร่วมกันหลาย ๆ คน กิจกรรมนี้ก็จะสนุกสนานขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากจะได้ทำความสะอาดบ้านให้น่าอยู่แล้ว ยังถือเป็นการออกกำลังกาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพของคนในครอบครัวด้วย

5. สร้างสรรค์เมนูอาหารใหม่ ๆ
ในช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด เป็นสถานการณ์กึ่งบังคับที่ช่วยทำให้ผู้คนกว่าครึ่งหนึ่งพบว่าตัวเองสามารถทำอาหารได้ดีและอร่อย การคิดเมนูใหม่ ๆ จึงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มรอยยิ้มให้กับทุกคนในครอบครัวได้อย่างดี ก่อนจะนั่งพูดคุยกันใช้ช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันที่โต๊ะอาหาร

กิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันได้ในช่วงยุคโควิดยังมีอีกมากมาย ซึ่งสามารถสร้างความสุขแก่กันได้ เพียงเลือกใช้ช่วงเวลาต่าง ๆ ที่เข้ากับอุปนิสัยของสมาชิกแต่ละคนผสมผสานกันไป ทุกคนก็จะมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกันได้มากขึ้น รับรองว่าตัวอย่างกิจกรรมทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้จะช่วยทำให้ร่างกายและจิตใจของทุกคนมีความผ่อนคลายและได้พบความสุขมากขึ้นกว่าเคยในยุค New Normal นี้

ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงและตัวคุณให้ปลอดภัย ทำอย่างไร

ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงและตัวคุณให้ปลอดภัย ทำอย่างไร

สัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนที่ดี การเลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้านอย่างน้อยหนึ่งตัวเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด ความขี้เล่นขี้อ้อนของสัตว์เลี้ยงช่วยคลายเหงา เยียวยาจิตใจให้หายซึมเศร้า คนเรามักจะรู้สึกดีขึ้นหลังสัมผัสลูบตัวสุนัขหรือแมว แม้แต่การดูปลาว่ายน้ำในตู้ปลาก็ช่วยลดความเครียดและลดความดันโลหิตได้ การเล่นกับสัตว์เลี้ยงในบ้านหรือพาไปเดินออกกำลังกายข้างนอกกระตุ้นให้รู้สึกกระฉับกระเฉง เกิดกระบวนการเผาผลาญดีขึ้นและลดระดับคอเลสเตอรอลด้วย

การเลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้านที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุเป็นวิธีกระชับความสัมพันธ์ของสมาชิกครอบครัว ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เกิดความผูกพันรักใคร่ เป็นการส่งเสริมให้ปู่ย่าตายายมีโอกาสเข้าสังคมมากขึ้น ไม่รู้สึกเงียบเหงาอยู่บ้านกันตามลำพัง สัตว์เลี้ยงมีประโยชน์มากมาย อย่างไรก็ดี แม้ว่าสัตว์เลี้ยงจะดูแข็งแรงแต่บางครั้งสัตว์ก็มีเชื้อโรคที่ทำให้เราป่วยได้ สัตว์เลี้ยงหลายชนิด เช่น สุนัข, แมว, หนูตะเภา, หนูแฮมสเตอร์, นก, ไก่, เต่า, กิ้งก่า เม่นแคระ และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ล้วนเป็นพาหะแพร่โรคจากสัตว์สู่คนได้ บุคคลในครอบครัวที่ควรระวังเป็นพิเศษคือเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป สตรีมีครรภ์ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะติดโรคและเจ็บป่วยได้ง่าย

ก่อนรับสัตว์เลี้ยงเข้ามาในบ้านควรคุยกับสัตว์แพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือในการตรวจคัดกรองและเลือกสัตว์เลี้ยงที่ปลอดภัยที่สุด สุนัขและแมวจรจัดอาจเป็นพาหะของปรสิต สตรีมีครรภ์อาจติดโรคทำให้ทารกในครรภ์มีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติแต่กำเนิด แม้แต่ครอบครัวที่เลี้ยงแมวอยู่แล้ว สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการทำความสะอาดกระบะทรายแมวด้วยตัวเอง

วิธีดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงและตัวคุณเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือการล้างมือเสมอ ไม่ว่าจะเล่น ให้อาหาร หรือทำความสะอาดอุปกรณ์และกรงสัตว์เลี้ยง แม้ว่าจะดูสะอาดและมีสุขภาพดีก็ตาม จำเป็นต้องล้างมือทุกครั้งเพื่อลดความกังวลและลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคจากสัตว์เลี้ยง พ่อแม่ควรสอนเด็กให้ล้างมืออย่างถูกวิธี ฝึกสุขอนามัยที่ดี ล้างมือก่อนดื่มน้ำและก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง ไม่จำเป็นต้องสัมผัสตัวแต่ไวรัส ปรสิตและเชื้อโรคอื่น ๆ จากสัตว์เลี้ยงอาจปนเปื้อนไปทั่วทุกพื้นผิวภายในบ้าน สัตว์เลี้ยงควรอยู่ห่างจากบริเวณที่ทำอาหาร โต๊ะอาหาร พื้นที่จัดเก็บอาหารและเครื่องดื่ม ควรทำความสะอาดบ้านสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณและครอบครัวเลี้ยงสัตว์อย่างมีความสุขและสุขภาพแข็งแรง

ถ้าทุกวันชีวิตและการทำงานมีแต่ความรีบเร่ง กลับบ้านมาเล่นกับหมาหรือแมว จะช่วยคลายความเครียดและความวิตกกังวลได้ไม่มากก็น้อย การเลี้ยงสัตว์ต้องมีความรับผิดชอบ ดูแลเอาใจใส่ ให้อาหาร ทำความสะอาด และพาไปออกกำลังกายเป็นประจำ สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดี มีความเป็นอยู่ที่ดี พลอยทำให้สุขภาพจิตและร่างกายของคุณดีไปด้วย

ทำไมต้องหย่าร้าง

ทำไมต้องหย่าร้าง

“แรกรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ” เราคงเคยได้ยินคำพูดจากผู้ใหญ่ที่คอยย้ำเตือนลูกหลานเมื่อถึงวันและวัยใกล้ออกเรือน เป็นความห่วงใยที่ปรารถนาให้ลูกหลานได้คิดไตร่ตรองไม่หลงระเริงไปตามอารมณ์ชั่ววูบก่อนจะปักใจเลือกคู่ครอง ในยุคสมัยที่ผู้คนใช้ความเร็วในการดำเนินชีวิต การใช้เวลาเลือกคู่ชีวิตก็สั้นลงเช่นกัน ส่งผลให้การเรียนรู้ระหว่างกันมีน้อยลงตามไปด้วย และนั่นอาจเป็นเหตุสำคัญที่นำมาซึ่งการหย่าร้างของหลายชีวิตคู่ เราลองมาดูกันว่าอะไรบ้างที่น่าจะเป็นชนวนเหตุให้เกิดการหย่าร้าง

การไม่มีเวลาให้กันและกัน “เธอควรต้องเข้าใจนะว่าฉันทำงานหนักหาเงินเลี้ยงครอบครัว” “ต้องเข้าใจนะงานนี้ฉันรักมากฉันต้องทุ่มเทให้ดีที่สุดเพื่อการเติบโตในหน้าที่การงานของฉัน” “เธอต้องเสียสละบ้างจะให้ได้ดั่งใจทุกอย่างคงไม่ได้” คำพูดทำนองนี้คงมีให้ได้ยินกันบ่อย ๆ ในบ้านที่ขาดความสมดุลในเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว การให้เวลากับงานมากเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายไม่มีตัวตน หรือเหมือนถูกลืม ขาดการใส่ใจซึ่งกันและกันเป็นเวลาต่อเนื่องเป็นแรงผลักให้ระยะห่างระหว่างกันกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งนาน ยิ่งกว้าง และยากที่จะกลับมาบรรจบกันได้อีก การเติมเต็มในชีวิตส่วนตัว จึงสำคัญไม่แพ้การทำงานหนักเพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว สองสิ่งนี้มีความจำเป็นที่ทุกชีวิตคู่ต้องพยายามประคับประคองคู่กันไป

สภาพเศรษฐกิจในครอบครัว ในยามที่ฐานะการเงินของครอบครัวมั่นคงก็มีความสุขกันเต็มที่ แต่เมื่อถึงวันทุกข์ เช่น หัวหน้าครอบครัวประสบปัญหาในการทำงาน เศรษฐกิจไม่ดี ความหงุดหงิด ระหองระแหงจะค่อย ๆ แทรกซึม โดยเฉพาะครอบครัวที่สามี หรือภรรยาหาเงินคนเดียวจะยิ่งส่งผลให้เกิดความสั่นคลอนในชีวิตคู่ได้ง่ายยิ่งขึ้น สิ่งหนึ่งที่มักจะพบ คือ การโยนความผิดให้กันและกัน ฝ่ายที่อยู่บ้านอาจรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า น้อยเนื้อต่ำใจจึงเป็นเหตุให้ชวนทะเลาะ บางคนอาจจะเคยชินกับการได้รับการดูแลเป็นอย่างดี พอถึงวันลำบากก็ไม่สามารถทนได้จึงขอแยกทาง หรือบางคนอาจจะพยายามกดดันให้ฝ่ายที่หารายได้พยายามดิ้นรนให้ได้เงินมาโดยไม่ได้ลงมาให้ความช่วยเหลือ หรือลดภาระการใช้เงิน เป็นต้น

ความไม่รู้จักพอ เรื่องนี้คงเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับคนเจ้าชู้ แม้จะมีคู่ชีวิตที่ดี แต่อาจมีเหตุปัจจัยที่ทำให้พลั้งเผลอไปมีรักใหม่ และอาจถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้น อยากเก็บไว้ทั้งสองคนจะด้วยเหตุผลแห่งความผูกพัน หรืออาจมีภาระร่วมกันที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อความอดทนสิ้นสุดไม่คนใดคนหนึ่งก็ต้องเป็นฝ่ายขอให้เกิดการหย่าร้าง การคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นให้มากขึ้น ลดความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ของตัวเองลงบ้าง จะทำให้ชีวิตคู่ยืดยาวมากขึ้น

อุปนิสัยเข้ากันไม่ได้ เหตุมักจะเริ่มจากการไม่พยายามปรับตัวเข้าหากัน ดึงดันอยู่บนความต้องการของตัวเอง และมักจะมีเหตุผลมาสนับสนุนความถูกต้องในความเห็นของตัวเองเสมอ เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน การกระทบกระทั่งบาดหมางย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจก็อาจไม่สามารถดึงรั้งให้ชีวิตคู่เดินหน้าตลอดรอดฝั่งได้ การพบกันคนละครึ่งทาง ให้เกียรติ และเคารพในสิทธิส่วนบุคคลของคนที่เรารักจึงน่าจะเป็นทางออกสำหรับเรื่องนี้

ขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นี่เป็นชนวนสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่เป็นสาเหตุแห่งการหย่าร้าง โดยเฉพาะคู่ชีวิตที่มีนิสัยหึงหวง หรือแม่บ้านที่สามีทำงานนอกบ้านเพียงคนเดียว ปัญหานี้มักเกิดจากการสื่อสารที่ขาดความชัดเจน ในเวลาที่เหมาะสม เช่น สามีจะต้องไปพบลูกค้าต่างจังหวัด แต่ไม่ได้บอกแผนการทำงานให้ภรรยาทราบ, มีโปรเจกต์พิเศษที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มเติมอาจทำให้กลับดึกต่อเนื่อง, มีการทำงานที่จับคู่เป็นบัดดี้ทำงานเป็นผู้หญิงแล้วไม่ได้บอกภรรยาว่าใครเป็นใคร หรืออาจมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเคยทำผิดพลาดอาจจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจจนเป็นเหตุให้เกิดความไม่ไว้วางใจ เป็นต้น เหตุเหล่านี้มีโอกาสสูงมากที่จะนำมาซึ่งความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง และอาจลุกลามไปถึงบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ การสื่อสารที่ชัดเจน การพูดคุยระหว่างกันให้มากขึ้น การพาคู่ชีวิตไปมีส่วนร่วมในสังคมที่เป็นงานของแต่ละฝ่ายในบางวาระเพื่อให้ได้รู้จักเพื่อน ๆ รู้จักลักษณะงาน และสังคมของอีกฝ่ายจะช่วยทำให้ปัญหานี้ลดลงได้

ไม่ได้เริ่มต้นจากความรัก การแต่งงานที่เกิดจากเงื่อนไขทางสังคม หรือที่โบราณเรียกว่า “คลุมถุงชน” เป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่อยู่บนพื้นฐานความต้องการของคนอื่น ไม่ได้เกิดจากความปรารถนาของคนสองคน บางคู่สามารถเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากันได้ดี และกลายเป็นความรัก เติบโตเป็นครอบครัวที่อบอุ่นยั่งยืนได้ แต่ส่วนใหญ่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเวลาผ่านไปต่างฝ่ายต่างดิ้นรนโหยหาความสุขใส่ตัวเอง การบอกลากันจึงอาจเป็นคำตอบในระยะสั้นสำหรับคู่ที่ไม่ได้ครองด้วยความรัก

อิทธิพลจากมือที่สาม การเปิดรับให้มีบุคคลอื่นที่นอกเหนือจากคู่สามีภรรรยาเข้ามามีอิทธิพลต่อการการครองคู่ มีส่วนส่งผลกระทบต่อความคลางแคลง ระแวง นำสู่การแตกร้าวได้ง่าย เช่น แม่ไม่ชอบลูกสะใภ้ ก็มักจะพูดถึงลูกสะใภ้ในทางที่ไม่ดีเพื่อให้ลูกชายเลิกราในที่สุด หรืออาจเป็นแฟนเก่าที่ยังตัดใจไม่ขาดก็อาจมีโอกาสเข้ามายุแยง หรือสร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นได้ หรือคำยุแยงจากเพื่อนบ้านก็เป็นอีกชนวนสำคัญของการหย่าร้าง ความหนักแน่นและเชื่อมั่นในคู่ครองของเราเป็นแก่นสำคัญที่จะหยุดปัญหานี้ได้

ผู้หญิงเก่งขึ้น และพร้อมยืนอยู่บนขาของตัวเอง ในอดีตผู้ชายเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นผู้นำ เป็นผู้รับผิดชอบความเป็นไปของสมาชิกในบ้าน แต่ปัจจุบันผู้หญิงสามารถหารายได้ และจัดการชีวิตได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้ผู้ชาย หากวันหนึ่งผู้ชายมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ผู้หญิงจึงไม่จำเป็นต้องอดทนต่อไป การหย่าร้างจึงกลายเป็นเรื่องปกติเมื่อพบว่าพวกเขาไม่มีโอกาสก้าวต่อไปด้วยกันได้แล้วจริง ๆ

ไม่ว่าการหย่าร้างจะมีสาเหตุมาจากเรื่องใดก็ตาม การที่คนสองคนได้มีโอกาสมาครองคู่อยู่ศึกษาซึ่งกันและกันย่อมเป็นประสบการณ์ใหม่อันทรงคุณค่าที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้เรียนรู้และเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์ขึ้น ในบางกรณี การหย่าร้างอาจไม่ใช่คำตอบที่ผิด แต่อาจเป็นทางออกที่สวยงามสำหรับทั้งสองฝ่าย

รวมแนวทางสร้างความสุขในทุก ๆ วัน ด้วยตนเอง

รวมแนวทางสร้างความสุขในทุก ๆ วัน ด้วยตนเอง

เคยไหมที่รู้สึกว่าชีวิตของตนเองนั้นขาดสีสัน ไม่มีความน่าสนใจ น่าเบื่อ ไม่รู้เลยว่าเราใช้ชีวิตในแต่ละวันไปเพื่ออะไร นั่นก็เป็นเพราะว่าเราไม่ได้ตั้งเป้าหมายในชีวิตของเราไว้อย่างชัดเจน การใช้ชีวิตของเราจึงไม่ชัดเจน แล้วขาดแรงบันดาลใจที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นความสุขของตนเอง สำหรับใครที่กำลังเผชิญปัญหาเหล่านี้อยู่แล้วล่ะก็ วันนี้เราจะมาแนะแนวทางสร้างความสุขในทุก ๆ วัน ด้วยตนเอง รับรองว่าทำได้ไม่ยาก ดีต่อใจอย่างแน่นอน

การตั้งเป้าหมาย
วางแผนอนาคตไว้ว่าเราอยากที่จะเป็นอย่างไร อยากใช้ชีวิตแบบไหน เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเราควรมีวิธีการปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้นที่ได้ตั้งไว้ ต้องบอกก่อนว่าเป้าหมายที่ตั้งนั้นควรจะต้องเป็นเป้าหมายที่มีความท้าทาย ไม่ง่ายจนเกินไป เพราะถ้าหากว่าเป็นเป้าหมายที่ง่าย ใคร ๆ ก็ทำได้จะทำให้เราขาดแรงบันดาลใจที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดี เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเราสามารถที่จะทำได้ ซึ่งถ้าเรามีเป้าหมายที่ท้าทาย เราก็จะมีแรงที่จะพร้อมพุ่งชนทุกอุปสรรคที่เข้ามาโดยไม่ได้นึกถึงความเหน็ดเหนื่อยที่เราต้องเจอ

มองหากิจกรรมหรือสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข ไม่เดือดร้อนใคร
เป็นกิจกรรมที่ส่งผลดีต่อตนเองและผู้อื่น ๆ ซึ่งถ้าเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์สำหรับคนหมู่มาก ก็จะทำให้เรามีพลังที่จะทำสิ่งนั้น ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น การทำบุญ การบริจาคของ การร่วมกิจกรรมอาสา การทำงานเพื่อสังคม เป็นต้น สิ่งที่เราจะได้รับคือการพัฒนาของ ศีล สมาธิ ปัญญา ช่วยสร้างความสุขสงบขึ้นภายในใจของตนเอง ซึ่งถ้าเรามีสภาวะจิตใจที่มีสติรู้ตัวอยู่ตลอด ก็จะช่วยให้เราสามารถควบคุมความรู้สึกของตนเองให้นิ่งขึ้นได้

การเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน
ทั้งด้านการใช้ชีวิตประจำวัน การปฏิบัติต่อผู้อื่น การทำงาน การเข้าสังคม และอื่น ๆ อีกมากมาย การที่จะเติบโตขึ้นในหลาย ๆ ด้านเพื่อสร้างความสุขให้กับตนเองนั้น เราต้องมีความตั้งใจที่ดี ไม่ตั้งแง่มีอคติต่อคนรอบข้าง มองทุกสิ่งด้วยความยุติธรรม ลด ละ เลิกความรู้สึกที่เป็นพิษกับตัวเองหรือความคิดด้านลบ ๆ นั่นเอง ถ้าเราทำได้ดังนี้แล้ว เชื่อได้เลยว่าเราจะมีความสุขเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับแนวทางการสร้างความสุขให้ตนเองในทุก ๆ วัน ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่เป็นแนวทางที่มีความท้าทายและต้องอาศัยการฝึกจิตใจ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การค้นหาตัวเอง โดยเป็นการทำอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะไปถึงเป้าหมายอย่างที่เราต้องการได้

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าฟอร์เวิร์ดและฟิวเจอร์ต่างกันอย่างไร?

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าฟอร์เวิร์ดและฟิวเจอร์ต่างกันอย่างไร?

ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักความแตกต่างกันของตราสารอนุพันธ์ หรือ Derivative ซึ่งตราสารอนุพันธ์เป็นตราสารทางการเงินประเภทหนึ่ง ที่สามารถใช้บริหารความเสี่ยง (Hedging) หรือเก็งกำไร (Speculating)

ฟอร์เวิร์ด (Forward) เป็นสัญญาแบบไม่เป็นทางการ กล่าวคือคู่สัญญาตกลงกันเอง ว่าจะซื้อ-ขายสินค้าเมื่อใด? วิธีการส่งมอบสินค้าหรือชำระราคาเป็นอย่างไร? โดยไม่มีหน่วยงานกลางมารับรองหรือมากำกับดูแล

ฟิวเจอร์ (Future) เป็นสัญญาตกลงซื้อขายเหมือนกับฟอร์เวิร์ด แต่แตกต่างกันตรงที่เป็นสัญญาแบบเป็นทางการ มีรูปแบบสัญญาที่เป็นมาตรฐาน และมีหน่วยงานกลางมาช่วยกำกับดูแล

เราสามารถทำเปรียบเทียบความแตกต่างของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าฟอร์เวิร์ดและฟิวเจอร์ได้ดังนี้

  • ข้อกำหนดของสัญญา
    สัญญาฟิวเจอร์จะเป็นสัญญาที่มีมาตรฐานชัดเจน ส่วนสัญญาฟอร์เวิร์ดนั้นจะมีความยืดหยุ่น ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคู่สัญญา
  • ตลาดซื้อขาย
    สัญญาฟิวเจอร์จะซื้อขายผ่านศูนย์การการซื้อขายที่ตั้งเป็นทางการ เช่น ตลาด TFEX ส่วนสัญญาฟอร์เวิร์ดนั้นจะต่อรองโดยคู่สัญญาโดยตรง
  • สภาพคล่อง
    สัญญาฟิวเจอร์มีสภาพคล่องที่สูงกว่าสัญญาฟอร์เวิร์ด ทั้งนี้เนื่องจากตัวสินค้ามีมาตรฐานที่มีความชัดเจนมากกว่า จึงส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนในการเปิด-ปิดสัญญา
  • ความโปร่งใสของราคา
    สัญญาฟิวเจอร์มีหน่วยงานกลางมากำกับดูแล ทำให้มั่นใจได้ว่าราคาที่ได้มีความโปร่งใสมากกว่าสัญญาฟอร์เวิร์ดที่มีการตกลงกันเฉพาะคู่สัญญาเท่านั้น และข้อมูลไม่จำเป็นต้องเผยแพร่ต่อสาธารณะ
  • ความเสี่ยงจากคู่สัญญา
    เนื่องจากสัญญาฟิวเจอร์มีหน่วยงานกลางมากำกับดูแล จึงมั่นใจได้ว่าความเสี่ยงการบิดพลิ้วของคู่สัญญานั้นจะมีน้อยกว่าสัญญาฟอร์เวิร์ดที่ไม่มีหน่วยงานกลางมาช่วยดูแล
  • การยกเลิกสัญญา
    สัญญาฟิวเจอร์สามารถยกเลิกสัญญาโดยเปิดสถานะตรงข้ามเพื่อหักล้างสัญญาที่ถืออยู่ ตรงกันข้ามกับสัญญาฟอร์เวิร์ดจะยกเลิกไม่ได้ถ้าคู่สัญญาไม่ได้ให้ความยินยอม ดังนั้นในการซื้อขายสัญญาฟอร์เวิร์ดจึงมักถือจนถึงวันครบกำหนดอายุสัญญา

 

โดยสรุป ฟิวเจอร์และฟอร์เวิร์ดเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อใช้ในการปกป้องความเสี่ยงและเก็งกำไรเช่นเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ สัญญาฟิวเจอร์ ตัวสัญญานั้นมีความเป็นมาตรฐานและมีหน่วยงานกลางมากำกับดูแล ส่วนสัญญาฟอร์เวิร์ดนั้นเป็นสัญญาที่ตกลงกันระหว่างคู่สัญญาโดยตรง จึงมีความยืดหยุ่นในตัวสัญญาสูงกว่า แต่ก็มีโอกาสเกิดความเสี่ยงจากการผิดสัญญาสูงกว่า เนื่องจากไม่มีหน่วยงานกลางมากำกับดูแล ซึ่งความแตกต่างสามารถแยกออกเป็นประเด็นต่าง ๆ ได้ดังนี้ 1) ข้อกำหนดสัญญา 2) ตลาดซื้อขาย 3)สภาพคล่อง 4) ความโปร่งใสของราคา 5) ความเสี่ยงจากคู่สัญญา และ 6) การยกเลิกสัญญา ส่วนจะเลือกสัญญาแบบใดนั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแต่ละกรณีไป ซึ่งต้องอาศัยทั้งข้อเท็จจริงและประสบการณ์

ข้อดีและข้อเสียของการทำศัลยกรรมที่ควรรู้

ข้อดีและข้อเสียของการทำศัลยกรรมที่ควรรู้

ปัจจุบันการทำศัลยกรรมเป็นที่นิยมมากขึ้น ทั้งในกลุ่มวัยเรียนและวัยทำงาน ทั้งยังมีสถานพยาบาลรวมถึงคลินิกหลายแห่งที่มีแพทย์เฉพาะทางและผู้เชี่ยวชาญในการแนะนำด้านศัลยกรรมมากขึ้นทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ก่อนการทำศัลยกรรมส่วนใดก็ตาม ควรศึกษาให้เข้าใจข้อดีและข้อเสียก่อน เพื่อการตัดสินใจอย่างรอบคอบ ดังนี้

ข้อดีของการทำศัลยกรรม

1. เพิ่มความมั่นใจ
การทำศัลยกรรมที่ใบหน้า เช่น ทำตาสองชั้น ปรับรูปหน้า ดึงหน้า หรือการปรับเปลี่ยนรูปร่างจากอ้วนให้กระชับ จะทำให้มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ทำให้กล้าเข้าสังคม พบปะเพื่อนใหม่ ๆ สามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้สวยงามและหลากหลายขึ้น ทั้งยังเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพหน้ากล้อง ที่มีการสร้างรายได้สูงตามไปด้วย

2. เป็นพรีเซนเตอร์และรีวิวสร้างรายได้
หลายคนที่ผ่านการทำศัลยกรรมบ่อยครั้ง อาจได้เป็นพรีเซนเตอร์และเขียนรีวิวแนะนำการทำศัลยกรรมต่าง ๆ ประจำของคลินิกนั้้น ๆ ได้ หลายรายที่ให้สาระประโยชน์มากทั้งด้านการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด การดูแลหลังผ่าตัดด้วย จะมีผู้ติดตามช่อง YouTube มากขึ้น เพราะมีคนจำนวนมากต้องการศึกษาในเชิงรายละเอียดนี้

3. ทำให้แก้ไขความผิดปกติขั้นรุนแรงได้
บางคนที่มีอาการกรามยื่นอย่างมาก ทำให้การสบฟันมีปัญหา การเคี้ยวอาหารจะทำได้ไม่สมบูรณ์ อาจทำให้มีอาการผิดปกติของระบบการย่อยอาหารและลำไส้ได้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการทำศัลยกรรมผ่าตัดกรามคู่กับการจัดฟัน คนที่มีปัญหาน้ำหนักเกินและมีไขมันส่วนเกินมาก ก็สามารถดูดไขมันออกและควบคู่กับการใช้นวัตกรรมกระชับกล้ามเนื้อ ก็สามารถลดความเสี่ยงปัญหาที่จะตามมาจากโรคอ้วนและความดันโลหิตสูงได้ดีขึ้น

ข้อเสียของการทำศัลยกรรม

1. ผลแทรกซ้อนอาจตามมา
หากเลือกคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็มีโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในระหว่างการทำศัลยกรรมได้ หรือหากแพทย์ไม่ชำนาญก็อาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่สวยงามตามที่ตั้งใจ

2. ไม่สามารถปรับแก้ให้เหมือนเดิมได้ 100%
ต้องยอมรับว่าหลังจากทำศัลยกรรมแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกลับให้เหมือนเดิมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ กรณีที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปหน้า รูปทรงจมูก ตามแฟชั่นที่นิยมในแต่ละช่วงเวลา จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ความนิยมแฟชั่นย่อมหมุนเวียนเปลี่ยนไปด้วย คุณอาจจะไม่ชอบสไตล์นี้ แต่ก็ไม่สามารถทำศัลยกรรมให้กลับมาเป็นแบบเดิมได้อีก

3. อาจเกิดการเสพติดได้
การทำศัลยกรรมด้วยนวัตกรรมใหม่ในยุคปัจจุบันนั้นใช้เวลาน้อยและใช้เวลาพักฟื้นสั้นลง ทำให้หลายคนมีการเสพติดการทำศัลยกรรม แต่งเติมไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และอาจขาดความมั่นใจในตัวเอง ที่ต้องการทำให้ดูสวยสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นไปอีก

การทำศัลยกรรมนั้น มีทั้งด้านข้อดีและข้อเสีย แต่ละท่านต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของตัวเอง ศึกษาว่าค่าใช้จ่ายกับความคุ้มค่าที่ตามมานั้น ด้านใดจะมากกว่ากัน เพื่อให้การทำศัลยกรรมนั้นตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองได้อย่างดีที่สุด

5 สัญญาณ แค่มองเป็นก็อ่านใจได้

5 สัญญาณ แค่มองเป็นก็อ่านใจได้

การสื่อสารทั้งของสัตว์และมนุษย์นั้น มีทั้งการเปล่งวาจาและการใช้ภาษาท่าทางหรืออวัจนภาษา ซึ่งมีความหลากหลายมากกว่าการใช้คำพูด เช่น ท่าทาง การมอง การสบตา การเดิน การยิ้ม เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าใจได้ด้วยประสบการณ์ แต่ถ้าอยากเรียนรู้ทางลัด เราก็มีสัญญาณท่าทาง 5 แบบที่น่าสนใจมาฝากกัน หากนำไปใช้ก็จะสามารถรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ได้ เพื่อดูว่าคู่สนทนาพร้อมในการพูดคุยกับเรามากน้อยแค่ไหน ซึ่งคุณผู้อ่านเองก็น่าจะเคยทำท่าทางเหล่านี้มาก่อนแล้วโดยไม่รู้ตัว

1.อาการกอดอกหรือไขว้ขา บอกได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งกำแพงกับเราอยู่ อาจจะเป็นอคติส่วนตัวหรือความไม่สบายใจบางอย่างที่มีต่อเราก็ได้ เป็นการแสดงท่าทางว่าไม่พร้อมรับข้อมูลหรือความคิดเห็นใด ๆ หรือถึงแม้จะมีการโต้ตอบกันบ้างก็ไม่แน่ว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นจะมีประสิทธิภาพ ทางที่ดีหากสังเกตเห็นสัญญาณนี้ควรหยุดการสื่อสารทันที รอเวลาให้ผู้รับสารพร้อมรับข้อมูลก่อน แล้วจึงค่อยสื่อสารใหม่ในเวลาที่เหมาะสม

2.ยิ้มจากใจไปถึงดวงตา การฝืนยิ้มหรือยิ้มแห้งมักเกิดจากความต้องการซ่อนเร้นหรืออำพรางความรู้สึกภายในจิตใจ ร่างกายจึงแสดงท่าทางออกไปแบบนั้น ตรงกันข้ามหากเรามองเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายที่ฉีกยิ้มจนแก้มปริ หรือไม่สนใจกระทั่งริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าในเวลานั้น หมายถึงอีกฝ่ายกำลังแสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่มี ดังนั้นหากอยากจะสื่อสารอะไรในตอนนี้ก็ลุยไปได้ให้เต็มที่

3.ขอเพียงแค่สบตา เหมือนคำกล่าวที่ว่าดวงตาคือหน้าต่างของจิตใจ หากพบว่าอีกฝ่ายจงใจจ้องตาคุณนานเกินไป ขอให้มั่นใจได้เลยว่าเขาคนนั้นกำลังปกปิด ซ้อนเร้นบางสิ่งอยู่ หรือที่ร้ายไปกว่านั้นคือถึงขั้นโกหกกันเลยทีเดียว เพราะจากการศึกษาพบว่าการที่คู่สนทนาพยายามสบตากับเราตลอดเวลาไม่ให้คลาดสายตาแม้สักวินาที หมายถึงอีกฝ่ายกำลังอึดอัดหรือพยายามปกปิดข้อเท็จจริงบางอย่างอยู่ และกลัวว่าเราจะจับโป๊ะได้ ถึงได้แสดงออกไปเช่นนั้น

4.มองดูนาฬิกาบ่อย ๆ แสดงว่าเขากำลังมีธุระ เช่น มีนัดที่ต้องรีบไป หรือว่าไม่อยากสนทนาต่อ เมื่อเป็นเช่นนี้ให้รีบจบการสนทนา เพราะหากพูดคุยต่อไป อีกฝ่ายก็ไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการสนทนาได้ทั้งหมด

5.อาการขบกรามหรือกำมือแน่น เป็นอาการที่บ่งบอกว่ากำลังอึดอัด ไม่สบายใจ วิตกจริตหรือมีความเครียดสูง นั่นหมายความว่าจิตใจอยู่ในช่วงที่ผิดปกติ ย่อมหมายถึงการสื่อสารใด ๆ ในช่วงนี้ จะมีแต่ผลกระทบที่เป็นลบ จึงควรหาเวลาที่อีกฝ่ายดูผ่อนคลายแล้วค่อยสนทนากันใหม่ก็ยังไม่สาย

การสนทนากับผู้อื่น ต้องคอยสังเกตภาษาท่าทางเหล่านี้อยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่ากำลังสื่อสารกันในสภาวะที่ทั้งสองฝ่ายเปิดใจและพร้อมรับฟังกัน หากมีสัญญาณของความไม่พร้อม ก็ไม่ควรเจรจาเรื่องสำคัญ เพราะอาจจะไม่บรรลุข้อตกลงหรือเกิดความไม่เข้าใจกันได้ ยังมีภาษาท่าทางอีกมากที่ต้องอาศัยประสบการณ์และการสังเกต เพื่อให้สามารถคาดเดาสถานการณ์ได้ดีขึ้น

ทำงานที่บ้านอย่างไร ให้ผลงานมีคุณภาพและไม่กระทบสุขภาพ

ทำงานที่บ้านอย่างไร ให้ผลงานมีคุณภาพและไม่กระทบสุขภาพ

ช่วงปีที่ผ่านมาสถานการณ์เศรษฐกิจและเชื้อไวรัสโควิด-19 บีบให้หลายองค์กรปรับแผนให้พนักงานทำงานที่บ้าน ผลปรากฏว่าหลายคนมีอาการปวดข้อมือ ปวดเมื่อยคอ ไหล่หรือหลัง ซึ่งอาจเกิดจากการนั่งทำงานบนโต๊ะกาแฟ เคาน์เตอร์ครัว หรือโซฟาที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับท่านั่งอย่างเหมาะสมเหมือนกับอุปกรณ์ในสำนักงาน หากทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมงโดยไม่ลุกเปลี่ยนอิริยาบถคงไม่พ้นอาการออฟฟิศซินโดรมแน่นอน

หลังจากทำงานที่บ้านมาระยะหนึ่งหากคุณพบว่าตัวเองเริ่มมีอาการปวดเมื่อย ควรมองหาวิธีที่ดีในการทำงานที่บ้าน ซึ่งมีเคล็ดลับง่าย ๆ คือซื้ออุปกรณ์หรือเก้าอี้โต๊ะโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการทำงานและรองรับการนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและสร้างผลงานที่ดี ไม่เหนื่อยล้าและเจ็บป่วยง่ายอันเนื่องจากเก้าอี้และโต๊ะมีความสูงไม่เหมาะสมกับการนั่งทำงาน ความสูงของโต๊ะทำงานโดยทั่วไปจะสูงจากพื้น 28-30 นิ้ว ปรับเพิ่มและลดยืดหยุ่นไปตามความสูงของผู้นั่ง

ท็อปเคาน์เตอร์ในครัวมักจะสูงเกินไป แนะนำให้ลองยื่นมือตรงไปข้างหน้าโดยแขนและข้อศอกแนบชิดกับลำตัว โดยแขนและข้อศอกทำมุม 90 องศาเป็นท่าที่เหมาะกับการใช้เมาส์และคีย์บอร์ด ความสูงของหน้าจอคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ระดับสายตาพอดี ไม่ต้องก้มหรือเงย หลีกเลี่ยงอาการปวดศีรษะและคอ ความสูงของเก้าอี้อยู่ในระดับที่วางเท้าราบกับพื้น เพราะถ้านั่งเก้าอี้ตัวสูงเท้าห้อยลงมา จะทำให้สะโพกและหลังส่วนล่างตึงปวด

นอกจากนี้ควรออกแบบสภาพแวดล้อมที่เอื้อประโยชน์ต่อการทำงาน สามารถนั่งทำงานอย่างสะดวกสบาย ระดับแสงสว่างเหมาะสม ไม่สว่างจ้าเกินไปหรือสว่างน้อยจนทำให้เมื่อยล้าตา ช่วยลดความเครียดระหว่างทำงาน ควรเปลี่ยนท่าทางบ่อย ๆ หยุดพักสั้น ๆ และลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถทุก 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง โต๊ะทำงานเป็นระเบียบและจัดเรียงอุปกรณ์ของใช้ต่าง ๆ ไม่วางระเกะระกะ ควรจัดพื้นที่ทำงานเป็นกิจวัตรเพื่อให้หยิบใช้งานได้สะดวกง่ายดายไม่ต้องค้นหาให้เสียเวลา มุมทำงานที่สะอาดตาหรือตกแต่งอย่างสร้างสรรค์นั้น จะช่วยสร้างความสุขและความผ่อนคลายทำให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การใส่ใจสภาพแวดล้อมในการทำงานจะเพิ่มคุณภาพงานได้อย่างแท้จริง

เมื่อจัดการกับอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการทำงานแล้ว ต่อไปเป็นวิธีจัดการแผนงานอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการทำงานที่บ้านไม่มีชั่วโมงออฟฟิศที่แน่นอน โดยเฉพาะฝ่ายผู้หญิงที่ต้องควบบทบาทและความรับผิดชอบในการทำงานและครอบครัวไปพร้อมกัน มีตารางชีวิตที่แสนวุ่นวาย ทำให้การแบ่งเวลาทำงานให้เหมาะสมเป็นเรื่องยาก มักจะเร่งทำงานควบสองกะให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสร็จทันกำหนด จึงหนีไม่พ้นอาการปวดเมื่อยแบบออฟฟิศซินโดรมซึ่งค่อนข้างน่าเป็นห่วง

ความจริงแล้วผู้หญิงเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่าผู้ชาย สามารถปรับตัวและใช้วิธีการที่ผสมผสานเพื่อแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ พร้อมกับการจัดตารางเวลางานและจัดการหน้าที่ในครอบครัวไม่ให้ขัดแย้งกัน สามารถใช้ชีวิตได้ดีแม้ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ถ้าพูดกันในแง่จิตวิทยาแล้ว สำหรับผู้ชายอาจต้องขอเวลาปรับตัวกับการทำงานที่บ้านนานกว่า แต่ท้ายที่สุดก็จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้และจัดตารางชีวิตได้ดีขึ้น