ทำไมต้องหย่าร้าง

ทำไมต้องหย่าร้าง

“แรกรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ” เราคงเคยได้ยินคำพูดจากผู้ใหญ่ที่คอยย้ำเตือนลูกหลานเมื่อถึงวันและวัยใกล้ออกเรือน เป็นความห่วงใยที่ปรารถนาให้ลูกหลานได้คิดไตร่ตรองไม่หลงระเริงไปตามอารมณ์ชั่ววูบก่อนจะปักใจเลือกคู่ครอง ในยุคสมัยที่ผู้คนใช้ความเร็วในการดำเนินชีวิต การใช้เวลาเลือกคู่ชีวิตก็สั้นลงเช่นกัน ส่งผลให้การเรียนรู้ระหว่างกันมีน้อยลงตามไปด้วย และนั่นอาจเป็นเหตุสำคัญที่นำมาซึ่งการหย่าร้างของหลายชีวิตคู่ เราลองมาดูกันว่าอะไรบ้างที่น่าจะเป็นชนวนเหตุให้เกิดการหย่าร้าง

การไม่มีเวลาให้กันและกัน “เธอควรต้องเข้าใจนะว่าฉันทำงานหนักหาเงินเลี้ยงครอบครัว” “ต้องเข้าใจนะงานนี้ฉันรักมากฉันต้องทุ่มเทให้ดีที่สุดเพื่อการเติบโตในหน้าที่การงานของฉัน” “เธอต้องเสียสละบ้างจะให้ได้ดั่งใจทุกอย่างคงไม่ได้” คำพูดทำนองนี้คงมีให้ได้ยินกันบ่อย ๆ ในบ้านที่ขาดความสมดุลในเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว การให้เวลากับงานมากเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายไม่มีตัวตน หรือเหมือนถูกลืม ขาดการใส่ใจซึ่งกันและกันเป็นเวลาต่อเนื่องเป็นแรงผลักให้ระยะห่างระหว่างกันกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งนาน ยิ่งกว้าง และยากที่จะกลับมาบรรจบกันได้อีก การเติมเต็มในชีวิตส่วนตัว จึงสำคัญไม่แพ้การทำงานหนักเพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว สองสิ่งนี้มีความจำเป็นที่ทุกชีวิตคู่ต้องพยายามประคับประคองคู่กันไป

สภาพเศรษฐกิจในครอบครัว ในยามที่ฐานะการเงินของครอบครัวมั่นคงก็มีความสุขกันเต็มที่ แต่เมื่อถึงวันทุกข์ เช่น หัวหน้าครอบครัวประสบปัญหาในการทำงาน เศรษฐกิจไม่ดี ความหงุดหงิด ระหองระแหงจะค่อย ๆ แทรกซึม โดยเฉพาะครอบครัวที่สามี หรือภรรยาหาเงินคนเดียวจะยิ่งส่งผลให้เกิดความสั่นคลอนในชีวิตคู่ได้ง่ายยิ่งขึ้น สิ่งหนึ่งที่มักจะพบ คือ การโยนความผิดให้กันและกัน ฝ่ายที่อยู่บ้านอาจรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า น้อยเนื้อต่ำใจจึงเป็นเหตุให้ชวนทะเลาะ บางคนอาจจะเคยชินกับการได้รับการดูแลเป็นอย่างดี พอถึงวันลำบากก็ไม่สามารถทนได้จึงขอแยกทาง หรือบางคนอาจจะพยายามกดดันให้ฝ่ายที่หารายได้พยายามดิ้นรนให้ได้เงินมาโดยไม่ได้ลงมาให้ความช่วยเหลือ หรือลดภาระการใช้เงิน เป็นต้น

ความไม่รู้จักพอ เรื่องนี้คงเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับคนเจ้าชู้ แม้จะมีคู่ชีวิตที่ดี แต่อาจมีเหตุปัจจัยที่ทำให้พลั้งเผลอไปมีรักใหม่ และอาจถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้น อยากเก็บไว้ทั้งสองคนจะด้วยเหตุผลแห่งความผูกพัน หรืออาจมีภาระร่วมกันที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อความอดทนสิ้นสุดไม่คนใดคนหนึ่งก็ต้องเป็นฝ่ายขอให้เกิดการหย่าร้าง การคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นให้มากขึ้น ลดความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ของตัวเองลงบ้าง จะทำให้ชีวิตคู่ยืดยาวมากขึ้น

อุปนิสัยเข้ากันไม่ได้ เหตุมักจะเริ่มจากการไม่พยายามปรับตัวเข้าหากัน ดึงดันอยู่บนความต้องการของตัวเอง และมักจะมีเหตุผลมาสนับสนุนความถูกต้องในความเห็นของตัวเองเสมอ เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน การกระทบกระทั่งบาดหมางย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจก็อาจไม่สามารถดึงรั้งให้ชีวิตคู่เดินหน้าตลอดรอดฝั่งได้ การพบกันคนละครึ่งทาง ให้เกียรติ และเคารพในสิทธิส่วนบุคคลของคนที่เรารักจึงน่าจะเป็นทางออกสำหรับเรื่องนี้

ขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นี่เป็นชนวนสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่เป็นสาเหตุแห่งการหย่าร้าง โดยเฉพาะคู่ชีวิตที่มีนิสัยหึงหวง หรือแม่บ้านที่สามีทำงานนอกบ้านเพียงคนเดียว ปัญหานี้มักเกิดจากการสื่อสารที่ขาดความชัดเจน ในเวลาที่เหมาะสม เช่น สามีจะต้องไปพบลูกค้าต่างจังหวัด แต่ไม่ได้บอกแผนการทำงานให้ภรรยาทราบ, มีโปรเจกต์พิเศษที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มเติมอาจทำให้กลับดึกต่อเนื่อง, มีการทำงานที่จับคู่เป็นบัดดี้ทำงานเป็นผู้หญิงแล้วไม่ได้บอกภรรยาว่าใครเป็นใคร หรืออาจมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเคยทำผิดพลาดอาจจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจจนเป็นเหตุให้เกิดความไม่ไว้วางใจ เป็นต้น เหตุเหล่านี้มีโอกาสสูงมากที่จะนำมาซึ่งความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง และอาจลุกลามไปถึงบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ การสื่อสารที่ชัดเจน การพูดคุยระหว่างกันให้มากขึ้น การพาคู่ชีวิตไปมีส่วนร่วมในสังคมที่เป็นงานของแต่ละฝ่ายในบางวาระเพื่อให้ได้รู้จักเพื่อน ๆ รู้จักลักษณะงาน และสังคมของอีกฝ่ายจะช่วยทำให้ปัญหานี้ลดลงได้

ไม่ได้เริ่มต้นจากความรัก การแต่งงานที่เกิดจากเงื่อนไขทางสังคม หรือที่โบราณเรียกว่า “คลุมถุงชน” เป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่อยู่บนพื้นฐานความต้องการของคนอื่น ไม่ได้เกิดจากความปรารถนาของคนสองคน บางคู่สามารถเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากันได้ดี และกลายเป็นความรัก เติบโตเป็นครอบครัวที่อบอุ่นยั่งยืนได้ แต่ส่วนใหญ่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเวลาผ่านไปต่างฝ่ายต่างดิ้นรนโหยหาความสุขใส่ตัวเอง การบอกลากันจึงอาจเป็นคำตอบในระยะสั้นสำหรับคู่ที่ไม่ได้ครองด้วยความรัก

อิทธิพลจากมือที่สาม การเปิดรับให้มีบุคคลอื่นที่นอกเหนือจากคู่สามีภรรรยาเข้ามามีอิทธิพลต่อการการครองคู่ มีส่วนส่งผลกระทบต่อความคลางแคลง ระแวง นำสู่การแตกร้าวได้ง่าย เช่น แม่ไม่ชอบลูกสะใภ้ ก็มักจะพูดถึงลูกสะใภ้ในทางที่ไม่ดีเพื่อให้ลูกชายเลิกราในที่สุด หรืออาจเป็นแฟนเก่าที่ยังตัดใจไม่ขาดก็อาจมีโอกาสเข้ามายุแยง หรือสร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นได้ หรือคำยุแยงจากเพื่อนบ้านก็เป็นอีกชนวนสำคัญของการหย่าร้าง ความหนักแน่นและเชื่อมั่นในคู่ครองของเราเป็นแก่นสำคัญที่จะหยุดปัญหานี้ได้

ผู้หญิงเก่งขึ้น และพร้อมยืนอยู่บนขาของตัวเอง ในอดีตผู้ชายเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นผู้นำ เป็นผู้รับผิดชอบความเป็นไปของสมาชิกในบ้าน แต่ปัจจุบันผู้หญิงสามารถหารายได้ และจัดการชีวิตได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้ผู้ชาย หากวันหนึ่งผู้ชายมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ผู้หญิงจึงไม่จำเป็นต้องอดทนต่อไป การหย่าร้างจึงกลายเป็นเรื่องปกติเมื่อพบว่าพวกเขาไม่มีโอกาสก้าวต่อไปด้วยกันได้แล้วจริง ๆ

ไม่ว่าการหย่าร้างจะมีสาเหตุมาจากเรื่องใดก็ตาม การที่คนสองคนได้มีโอกาสมาครองคู่อยู่ศึกษาซึ่งกันและกันย่อมเป็นประสบการณ์ใหม่อันทรงคุณค่าที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้เรียนรู้และเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์ขึ้น ในบางกรณี การหย่าร้างอาจไม่ใช่คำตอบที่ผิด แต่อาจเป็นทางออกที่สวยงามสำหรับทั้งสองฝ่าย